จากการตลาดที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์เริ่มบูมขึ้นมาในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่อินฟลูเอนเซอร์ที่ช่วยการตลาด สร้างคอนเทนต์เพื่อแบรนด์บนโซเชียลมีเดียที่เราพบเห็นได้ทุก ๆ แพลตฟอร์มเพียงเท่านั้น ยังมีอินฟลูเอนเซอร์อีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับความนิยม และน่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่ทำงานทำเงินเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่พวกเขายังผลักดันประเด็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบันนี้นั่นก็คือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนั่นเอง วันนี้เราจะมารู้จักกับอินฟลูเอนเซอร์สายเขียว หรือที่คุ้นเคยกันดีในชื่อ “Green Influencer”
ภาพที่ 1; The Climate is Changing So Should We Active จาก; https://www.pexels.com/@markusspiske/
พันธกิจและจุดมุ่งหมายหลัก ๆ ของการเกิดขึ้นของ Green Influencer คือการช่วยให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงเรื่องปัญหาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยเฉพาะกับการมีส่วนร่วมในโครงการที่นำโดยเยาวชนที่มีความทะเยอทะยาน คนหนุ่มสาวจะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จะปรับปรุงโอกาสในชีวิตของพวกเขา เพราะคนรุ่นใหม่หรือรุ่นที่จะเกิดมาจะกลายเป็นผู้คนที่เผชิญหน้ากับปัญหาสิ่งแวดล้อมสูงกว่าคนที่สร้างปัญหาและทิ้งปัญหาไว้ให้โลกปัจจุบันนี้ การเกิดขึ้นของ Green Influencer จะมุ่งไปที่การมีส่วนช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนท้องถิ่นรวมถึงเป็นทูตสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นผ่านกิจกรรมทางสังคมของเยาวชน
ภาพที่ 2; Swedish climate activist Greta Thunberg จาก; https://www.vox.com/2019/9/17/20864740/greta-thunberg-youth-climate-strike-fridays-future
เป็นที่รู้กันว่า Green Influencer เป็นผู้เชี่ยวชาญในการฝากผลงานไว้กับผู้ชมทุกประเภท พวกเขามักจะทราบข้อมูลดีและมีรสนิยมที่ดีเกี่ยวกับการเลือกใช้ชีวิตที่ไม่สร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม Green Influencer คือผู้มีอิทธิพลที่แสดงเส้นทางสู่ชีวิตที่ดีขึ้น ไม่เพียงแต่สำหรับเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก รวมถึงโลกด้วย Green Influencer มุ่งเน้นไปที่การทำให้สังคมโดยรวมดีขึ้น โดยเน้นที่การลดมลพิษและหาวิธีปกป้องธรรมชาติรวมถึงวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ผู้มีอิทธิพลด้านสิ่งแวดล้อมกำลังใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อส่งเสริมความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตประจำวันที่จะไม่สร้างมลพิษกับโลกใบนี้
รู้หรือไม่ว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นได้ชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษมากเป็นอันดับสองของโลก ต้องขอบคุณผู้มีอิทธิพลด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นมุ่งเน้นที่การพัฒนา “Sustainable Fashion.” หรือ “แฟชั่นที่ยั่งยืน” มากขึ้นทำให้ Sustainable Fashion เติบโตขึ้นถึงห้าเท่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา หลายคนอาจคิดว่าผู้มีอิทธิพลด้านสิ่งแวดล้อมส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยการประท้วงต่อต้านมลพิษ เลิกใช้พลาสติก และปลูกต้นไม้ หากคุณคิดเช่นนั้นอาจจะต้องทำความรู้จักกับ Green Influencer ประเภทต่าง ๆ เพื่อปลี่ยนความคิดในการรณรงค์และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
Green Fashion Influencer
แบรนด์ชั้นนำของอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังสร้างผลกระทบด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ของพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อทำร้ายธรรมชาติ แต่ทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น? สถิติกล่าวว่า ลูกค้า 3 ใน 4 ยินดีที่จะจ่ายในอัตราที่สูงขึ้นสำหรับเครื่องแต่งกายที่ยั่งยืน พวกเขาดำเนินชีวิตแบบ Zero Waste แบรนด์ต่าง ๆ กำลังออกแบบเสื้อผ้าตามผู้มีอิทธิพลด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมูลค่ารวมของ Green Fashion Influencer มีมูลค่ามากกว่า 8 ล้านดอลลาร์ เห็นได้ชัดว่าอำนาจของพวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้
ปัจจุบันนอกจากจะเป็น Green Fashion Influencer ที่ออกมาพูดถึงปัญหาของ Fast Fashion แล้ว ปุถุชนทั่วไปยังออกมาพูดถึงปัญหานี้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปในปัจจุบันสร้างปัญหาให้กับโลกเป็นอย่างมาก โดยจากรายงาน After the Binge the Hangover. Insights into the Minds of Clothing Consumers กล่าวว่า การตลาดแบบ Over Demand ทำให้การบริโภค “สินค้าแฟชั่น” ทั่วโลกนั้นล้นเกิน (Overconsumption) จนกลายเป็นปรากฎการณ์ เพราะพฤติกรรมของคนทั้งในทวีปยุโรปและเอเชียต่างชอปปิงสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋าและเครื่องประดับต่างๆ เยอะจนเกินไปและผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งซื้อสิ่งของเหล่านี้เกินกว่าความจำเป็น นอกจากปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมแล้วด้วยการผลิตในปริมาณมากและต้องใช้ต้นทุนต่ำทำให้ Fast Fashion เข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย
ภาพที่ 3; say No to FAST FASHION จาก; tilialucida/Shutterstock
Green Fashion Influencer สามารถแนะนำแบรนด์ได้อย่างเหมาะสมตามจริยธรรมและค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า ลูกค้ามากกว่า 85% ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน การใช้ Green Fashion ไม่ได้ทำให้คุณดูทันสมัยน้อยลง มันทำให้คุณมีสิทธิ์รักษาธรรมชาติพร้อมกับอินเทรนด์ โชคดีที่มีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่เข้าใจถึงคุณค่าของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผู้มีอิทธิพลด้านสิ่งแวดล้อมกำลังชี้นำอุตสาหกรรมแฟชั่นด้วยการทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดในการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
Green Food Influencer
การรับประทานอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือการรับประทานอาหารที่มีสีเขียวมากขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการมีเศษอาหารเพื่อดำเนินชีวิตตามวิถีชีวิตแบบไร้ขยะ พืชเป็นแหล่งสารอาหารและแร่ธาตุตามธรรมชาติที่ดีที่สุดที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็นไขมัน โปรตีน หรือวิตามิน ธรรมชาติของเรามีครบทุกอย่างในผักใบเขียว อินเดียเป็นดินแดนแห่งเครื่องเทศ และเรามีเครื่องเทศหลากหลายชนิดที่จะทำให้อาหารของทุกคนอร่อยได้ แม้ว่าอาหารนั้นจะเป็นผักใบเขียวเป็นหลักก็ตาม
ภาพที่ 4; Elana Amsterdam จาก; https://elanaspantry.com/
ผู้มีอิทธิพลด้านสิ่งแวดล้อมเช่น Adele McConnell และ Elana Amsterdam มีอิทธิพลต่อผู้คนในการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งช่วยให้บุคคลมีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือที่ขายดีที่สุดของพวกเขาเกี่ยวกับการไดเอทอย่างยั่งยืนจะทำให้วิสัยทัศน์ของคุณเปลี่ยนไปสู่นิสัยการกินของคุณอย่างแน่นอน
Green Travel Influencer
ตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าในแต่ละปีสถานที่ท่องเที่ยวจะรวบรวมขยะจำนวนมากเนื่องจากนักเดินทางไปเยี่ยมชมบ่อยครั้ง ปัจจุบันมีการเกิดขึ้นของ Green Travel Influencer อย่างแพร่หลาย นับเป็นผู้มีอิทธิพลด้านการท่องเที่ยวซึ่งมักจะมีคำแนะนำคุณเกี่ยวกับวิธีการเดินทางอย่างยั่งยืนและปกป้องจุดหมายปลายทางที่ผู้คนชื่นชอบ และท่องเที่ยวอย่างไรไม่ให้รบกวนสิ่งมีชีวิตอื่นที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติแห่งนั้นด้วย
ภาพที่ 5; Green Travel Influencer จาก; https://www.pexels.com/@samsilitongajr/
ปัจจุบันเรามักจะเห็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จาก Green Travel Influencer มากมายในหลายแพลตฟอร์ม รวมถึงการออกมารณรงค์ปัญหาที่เกิดจากการท่องเที่ยวต่าง ๆ นานา ให้คนที่กำลังจะออกเดินทางท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ร่วมกันด้วย
Green Beauty Influencer
ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ใช้กับผิวหนัง เส้นผม หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ทำมาจากสารเคมีที่ค่อย ๆ ทำลายเซลล์ของเรา การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่มีสารเคมีทุกวันเท่ากับการที่ร่างกายต้องดูดซึมสารเคมี 5 ปอนด์ในทุกปี ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่โรคร้ายอย่างเช่น มะเร็ง อาการแพ้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจาก Green Beauty Influencer จะแนะนำเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ความงามไร้สารเคมีแล้ว ยังรวมไปถึงการทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ในขึ้นตอนการผลิตด้วย โดยประวัติศาสตร์การทดลองกับสัตว์ก่อนที่จะนำมาใช้กับมนุษย์นั้นมีมาอย่างยาวนาน โดยในขั้นตอนการทดสอบความปลอดภัยโดยจะต้องให้สัตว์สูดดม หรือโกนขนแล้วใช้ผลิตภัณฑ์ทาที่ผิวหนัง พร้อมทั้งดูปฏิกิริยา หากเป็นเครื่องสำอางที่ใช้กับบริเวณดวงตาก็จะมีการหยอดเข้าไปในดวงตาของสัตว์ชนิดนั้น ๆ ก่อนจะถูกนำไปฉีดยาทำการุณยฆาตให้ตายอย่างสงบ แต่ในปัจจุบันการทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์นั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เพราะมีวิธีที่ได้รับการพัฒนาและยอมรับโดยการทดสอบกับเซลล์เพาะเลี้ยงแทน โดยบางแบรนด์เครื่องสำอางนั้นก็มีการรวมณรงค์ไม่ให้ทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ พร้อมทั้งยึดอุดมการและจุดขายของแบรนด์ว่าจะไม่ใช้วิธีการทดลองกับสัตว์รวมถึงเหล่า Green Beauty Influencer ที่ออกมาพูดถึงประเด็นนี้กันอย่างแพร่หลายและแนะนำถึงวิธีการเลือกใช้แบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์อีกด้วย
ภาพที่ 6; Cosmetic Containers จาก; https://www.pexels.com/@polina-kovaleva/
มีอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่จะหาทางออกให้กับปัญหานี้ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของพวกเขา ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ แต่ยังทำให้คุณสวยอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
นักเคลื่อนไหวใช้พลังของโซเชียลมีเดียมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจัดระเบียบและให้ความรู้แก่ผู้คนเกี่ยวกับวิกฤตสภาพอากาศ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่ได้มีไว้สำหรับเซลฟี่และทำคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสถานที่ “จัดระเบียบและให้ความรู้” ให้กับผู้คนเกี่ยวกับวิกฤตสภาพอากาศ ซึ่งปัญหาที่โลกเราเจออยู่ทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนควรตระหนัก โดยเฉพาะในคนรุ่นใหม่ที่ต้องมาแบกรับปัญหาที่บรรพบุรุษสร้างไว้เป็นร้อย ๆ เพื่อปกป้องโลกใบนี้ให้กับคนรุ่น ๆ ถัด ๆ ไปรวมถึงทุกสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงนี้ด้วย
(source: ICY TALES)
0 Comment