จากบทความที่แล้วที่เราพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการทำงานในอนาคต มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นหรืออาจไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เช่นเดียวกับอาชีพและสายงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมของมนุษย์บนโลกรวมถึงการ Disrupt จาก AI หรือเครื่องจักร ซึ่งว่ากันว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า Double-Disruption อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงหลังเกิดโรคระบาดอย่างยาวนานและการมีบทบาทที่มากขึ้นของระบบอัตโนมัติอย่างที่กล่าวไป
จากรายงาน The Future of Jobs ของ World Economic Forum มีการอ้างอิงว่าในปี 2020 โลกเรามีแรงงานคนในสัดส่วนร้อยละ 67 ส่วนเครื่องจักรอยู่ที่ร้อยละ 33 ซึ่งคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสัดส่วนที่แรงงานคนกับเครื่องจักรใกล้เคียงกันมากขึ้นคือร้อยละ 53 และร้อยละ 47 ตามลำดับ ซึ่งก็ได้มีการสรุปไว้ว่าจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นี่เองจะส่งผลต่ออาชีพไหนบ้างที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ในอนาคตอันใกล้
ต่อไปนี้จะเป็นบทสรุปสิบอันดับแรกของสุดยอดทักษะอาชีพในอนาคตจากข้อมูลรายงาน Top 10 Jobs of the Future - For 2030 And Beyond (Robert Brown; 8 May 2021, Top 10 Jobs of the Future - For 2030 And Beyond )
1. Work from Home Facilitator
จากโรคระบาดส่งผลให้บ้านกลายเป็นสถานที่หลักในการทำงาน แต่การทำงานที่บ้านหลายบริษัทก็ยังมีเป้าหมายในการทำให้บริษัทเติบโตขึ้นจึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานในบริษัททำให้หลาย ๆ บริษัทต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมให้คำแนะนำเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่น
2. Fitness Commitment Counsellor หรือที่ปรึกษาความมุ่งมั่นด้านฟิตเนส
อาจด้วยประชากรโลกตระหนักถึงเรื่องสุขภาพมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการเกิดโรคระบาด ทำให้อาชีพให้คำปรึกษาด้านสุขภาพค่อนข้างจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อช่วยออกแบบวิธีการดูแลสุขภาพให้เป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคลโดยการผนวกรวมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านสุขภาพ
3. Smart Home Design Manage หรือ ผู้จัดการการออกแบบบ้านอัจฉริยะ
อย่างที่ผมได้เคยพูดถึงในบทความ ยุคเปลี่ยนผ่านจากบ้านธรรมดาสู่บ้านอัจฉริยะ ที่ว่ากันว่าในอนาคตทุกสิ่งอย่างในบ้านจะเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด ทำให้ความต้องการของผู้คนมีมากขึ้นและต้องการผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้ความรู้ด้านการจัดการบ้านอัจฉริยะมากขึ้น Smart Home Design Manage จึงเป็นอาชีพที่จะมาแรงมาก ๆ อีกอีชีพหนึ่ง
4. XR Immersion Counsellor หรืออาจเรียกว่าผู้ให้คำปรึกษาด้าน XR (ซึ่ง XR หรือ Extended Reality คือเทคโนโลยีใหม่ที่เชื่อมต่อทุกสิ่งเข้ากับอินเทอร์เน็ตผสมผสานทั้งความสามารถ VR AR และ MR เข้าด้วยกัน)
เนื่องด้วยโลกของการทำงานจะกลายเป็น “Remotopia” ดังนั้นอาชีพนี้จึงจะขาดไม่ได้เพราะเป็นอาชีพที่ต้องพัฒนาระบบ AR VR และ MR ร่วมกับวิศวกร ทั้งด้านการอบรมให้ความรู้ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพด้านเทคโนโลยีของคนในองค์กร
5. Workplace Environment Architect หรือสถาปนิกสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน
สถาปัตยกรรมสำนักงานหลังการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสกำลังจะต้องผ่านการคิดใหม่ครั้งใหญ่ ทั้งความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานที่คำนึงถึงด้านสุขอนามัยเป็นอันดับแรก และก็ต้องสอดคล้องกับสิ่งต่าง ๆ ที่แวดล้อมเพื่อให้งานในอนาคตเป็นเป็นอย่างราบรื่น
6. Algorithm Bias Auditor
แน่นอนว่าไลฟ์สไตล์แบบ “ออนไลน์ตลอดเวลา” เป็นไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบัน ดังนั้นเราก็อาจถูกตัดสินการใช้ชีวิตจากระบบออนไลน์ต่าง ๆ ที่เราใช้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วหน้าที่ของการตรวจสอบว่า Algorithm ที่ใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมเรามันมีความยุติธรรมไม่ Bias จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมี Algorithm Bias Auditor เพื่อที่ทุกคนจะถูกตัดสินอย่างยุติธรรมด้วย
7. Data Detective
อาชีพด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลยังคงเป็นอาชีพที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีความสำคัญมาก ๆ ในยุคนี้ อย่างที่ผมเคยเขียนถึงในบทความเรื่อง Data Science คืออะไร ทำไมจึงสำคัญกับภาคธุรกิจในยุคดิจิทัล? ซึ่งเป็นความจริงที่ว่าทุกวันนี้โลกเราดำเนินไปพร้อมกับความเคลื่อนไหวบนออนไลน์ของข้อมูลมหาศาล และเนื่องด้วยความต้องการที่สูงทั้งยังขาดแคลนผู้ที่มีทักษะความสามารถ ทำให้งานกลุ่มนี้ยังจำเป็นอยู่มาก ณ ขณะนี้
8. Cyber Calamity Forecaster
อย่างที่หลายคนทราบดีว่านอกจากภัยความรุนแรงจากโรคระบาดที่เกิดขึ้นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ๆ คือภัยจากข้อมูลข่าวสารซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง การโจมตีกันด้วยข้อมูลข่าวสารที่เลวร้ายอาจนำไปสู่การก่อสงครามที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติทั้งหมดบนโลกนี้ ดังนั้นผู้ที่มีความสามารถในการพยากรณ์เหตุการจากข้อมูลอย่าง Cyber Calamity Forecaster จึงมีความสำคัญมาก ๆ ในยุคนี้
9. Tidewater Architect
จากความท้าทายระดับโลกของการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศและการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของระดับน้ำทะเล ทำให้ผู้คนต้องคำนึงถึงอนาคตความเป็นอยู่ว่าจะสร้างสถานที่อยู่อาศัยอย่างไรเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งจะเป็นการทำงานโดยไม่ทำลายธรรมชาติ
10. Human-Machine Teaming Manager
จากที่ผมได้กล่าวถึงไปข้างต้นว่าสัดส่วนการทำงานของเครื่องจักรจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 47 ในอนาคตอันใกล้และปฏิเสธไม่ได้ว่าจะถูกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนที่มากกว่าแรงงานคนก็เป็นได้ ซึ่งอาชีพที่จะตามมาจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือ Human-Machine Teaming Manager ที่นอกจากจะช่วยดูแลแล้วยังจำเป็นต้องมีทักษะในการผสานงานคนในทีมและหุ่นยนต์ให้ร่วมงานกันอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
จากข้อมูลที่ยกมาทั้งหมดนี้ผมก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าอันไหนจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วมีอาชีพไหนที่จะหายไปบ้าง ส่วนที่มีส่วนสำคัญมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านอาชีพคือวิวัฒนาการของมนุษย์และวิวัฒนาการของเทคโนโลยี เราต้องลองไปค้นหาคำตอบดูว่าจากบทสรุปสิบข้อข้างต้นที่ยกมามีอาชีพไหนที่ใกล้เคียงกับหน้าที่การงานของเราอยู่บ้าง มีสิ่งไหนที่เราควรเรียนรู้เพิ่มเติม ซึ่งนอกจากนี้ยังมีทักษะที่จำเป็นอีกมากมายที่เราจำเป็นต้องมีทั้งทักษะพื้นฐานและทักษะเฉพาะด้านที่ยังไม่ได้ถูกพูดถึงในบทความนี้ อยากให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนอยู่เสมอไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ไม่แน่หลังการระบาดของโคโรน่าไวรัสอาจะมีการระบาดอื่น ๆ เกิดขึ้นอีกในอนาคต ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็อาจเป็นเรื่องที่ใหม่ต่อมนุษย์เราและควบคู่ไปกับการก้าวผ่านของวันเวลาอยู่เสมอ
0 Comment