กว่า 4 ปีแล้วหลังจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 วันนี้เราจะมาดูว่าความปกติใหม่อันเป็นผลกระทบจากการระบาดใหญ่จนถึงวันนี้ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์เราไปบ้าง และจากการระบาดใหญ่ในครั้งนี้นำพาชีวิตของพวกเราไปไกลขนาดไหนซึ่งจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของพวกเราไปตลอดการเลยหรือเปล่า
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตมนุษย์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในกิจวัตรประจำวัน การทำงาน และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดคือการทำงานจากระยะไกลหรือการทำงานแบบรีโมทได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้นกว่าในอดีต เนื่องจากธุรกิจและองค์กรจำนวนมากถูกบังคับให้ล็อกดาวน์ พนักงานจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการทำงานจากที่บ้าน สิ่งนี้นำไปสู่การใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่เพิ่มขึ้น เช่น แอปการประชุมผ่านวิดีโอและการรับส่งข้อความของทีม มีหลายแอปพลิเคชันที่กลายมาเป็นมาตรฐานการใช้งานขององค์กร
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งคือวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น จากการเข้าสังคมเป็นเรื่องปกติของมนุษย์สิ่งเหล่านั้นก็เริ่มเลือนหายไปในช่วงของการแพร่ระบาดในครั้งนี้ แนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคมและข้อจำกัดในการชุมนุมทำให้ผู้คนแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ในการเชื่อมต่อกัน เครื่องมือการประชุมผ่านวิดีโอ เช่น Zoom และ Skype กลายเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความสัมพันธ์ทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากบุคคลที่ตนรัก แม้ว่าการโต้ตอบแบบเห็นหน้ากันจะไม่สามารถถูกแทนที่ได้ แต่หลายคนมีแนวโน้มที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ต่อไปเพื่อติดต่อกัน แม้ว่าในอนาคตแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคมจะไม่จำเป็นก็ตาม
การระบาดใหญ่ยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ นำไปสู่การสูญเสียงานและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสำหรับหลาย ๆ คน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อบางอุตสาหกรรมอย่างรุนแรง เช่น การท่องเที่ยวและการบริการ และนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความช่วยเหลือจากรัฐบาลในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเยียวยาผู้ขาดรายได้ รวมถึงต้องวางแผนว่าจะใช้เงินมาหมุนเศรษฐกิจในประเทศอย่างไรให้ไม่เสียประโยชน์ทั้งต่อรัฐเองและต่อประชาชนส่วนใหญ่ และยังทำให้เห็นความไม่เท่าเทียมกันในสังคมและเผยให้เห็นความเปราะบางของระบบการรักษาพยาบาลของหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่เพียงพอและเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปัญหาการลางานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และเรื่องความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอที่จะสามารถส่งผลให้ครอบคลุมไปยังชุมชนชายขอบอย่างสมเหตุสมผลด้วย
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดจากโรคระบาดคือการเปลี่ยนไปทำงานจากระยะไกลหรือการทำงานแบบรีโมท ธุรกิจหลายแห่งต้องอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส สิ่งนี้นำไปสู่การตระหนักว่าการทำงานจากระยะไกลไม่เพียงแต่จะเป็นไปได้และเกิดขึ้นไวกว่าการคาดการณ์ แต่ยังมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าอีกด้วย แม้ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นและโรคระบาดบรรเทาลงแล้ว แต่หลายบริษัทก็มีแนวโน้มที่จะนำเสนอการจัดการงานที่ยืดหยุ่นต่อไป ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้าน เข้ามาที่สำนักงาน หรือทำงานได้จากทุกที่ โดยในบทความก่อนหน้านี้ผมได้เขียนถึงการทำงานแบบ Hybrid Working ไว้ที่บทความ “Hybrid Working | การทำงานของวันนี้” ซึ่งสามารถไปอ่านข้อมูลที่น่าสนเกี่ยวกับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นเพิ่มเติมกันได้
และนอกจากด้านการทำงานแล้ว ยังรวมไปถึงด้านการซื้อขายสินค้า ซึ่งจากการระบาดใหญ่ก็เร่งให้มีการใช้อีคอมเมิร์ซและระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส จากการที่ผู้คนจำนวนมากหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านทำให้การชอปปิงออนไลน์ได้รับความนิยมมากกว่าที่เคยเป็นมา การเปลี่ยนแปลงนี้มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปแม้ว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับความสะดวกสบายและปลอดภัยในการซื้อของออนไลน์ ในทำนองเดียวกัน ระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส เช่น แอปชำระเงินผ่านมือถือและกระเป๋าเงินดิจิทัล ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากผู้คนพยายามที่จะลดการสัมผัสกับธนบัตรและผู้คนด้ว
โดยรวมแล้ว การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงานของเรา แม้ว่าอนาคตจะไม่แน่นอน แต่เป็นที่ชัดเจนว่าโรคระบาดได้เร่งการนำเทคโนโลยีและการทำงานจากระยะไกลมาใช้ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการกับความไม่เท่าเทียมกันในสังคม การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์และอาจไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว นอกจากมนุษย์จะชินกับการใช้หน้ากากอนามัยอย่างแพร่หลายแล้ว ยังรวมไปถึงการทำงานทางไกลและการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงในการเดินทางและการท่องเที่ยว การพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารและการพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ของผู้คนในสังคม และความตระหนักด้านสาธารณสุขและสุขอนามัยมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจส่งผลยาวนานต่อสังคม แม้ว่าจะควบคุมโรคระบาดแล้วก็ตาม
0 Comment