เพราะธุรกิจต้องขยับขยายเติบโตขึ้น ๆ ไป ช่องทางการขายสินค้าจึงมีหลากหลายมากขึ้น และหลาย ๆ ครั้ง ก็จำเป็นที่จะต้องมีเว็บไซต์ของตัวเองในการขายสินค้าด้วยเช่นกัน CMS จึงถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลในเรื่องของการช่วยผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ต้องการสร้างเว็บไซต์สำหรับขายสินค้าของตัวเอง แต่ไม่สามารถแบกต้นทุนในการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่ต้นไหว มาทำความรู้จักกับ CMS นี้ว่าคืออะไร พร้อมทั้งประโยชน์และตัวอย่างต่าง ๆ ของ CMS เหล่านี้
ทำความรู้จัก CMS ระบบหลังบ้านแสนสำคัญที่ทำให้การทำเว็บไซต์นั้นง่ายขึ้น
Content Management System หรือ CMS คือระบบที่มีฟังก์ชันในการสร้าง และบริหารเว็บไซต์สำเร็จรูป โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพานักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมเมอร์ในการเข้าไปช่วยปรับปรุงแก้ไขระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ เพราะระบบ CMS ถูกพัฒนาและคิดค้นขึ้นมาเพื่อลดทรัพยากรในการสร้างและบริหารเว็บไซต์ ทำให้ช่วยลดกำลังคน เวลา และต้นทุนในการควบคุมดูแลเว็บไซต์ ซึ่งระบบ CMS นี้ จะช่วยตัดปัญหาการสร้างเว็บไซต์ ที่ต้องพึ่งพาองค์ความรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในเว็บไซต์ เช่น PHP Python ASP JSP เป็นต้น
โดยจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของระบบ CMS คือการที่มีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย และมีอินเทอร์เฟซที่สามารถศึกษา รวมถึงทำความเข้าใจได้ไม่ยาก สามารถนำไปประยุกต์สร้างเว็บไซต์ต่าง ๆ ตามความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการค้าขายแบบ E-Commerce หรือสร้างเว็บไซต์ในลักษณะ Blog หรือเป็นแบบเว็บบอร์ดที่ให้ผู้ใช้งานได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เป็นต้น
ซึ่งสำหรับฟีเจอร์พื้นฐานที่มักมาพร้อมกับระบบ CMS นั้น จะมีดังนี้
- ฟีเจอร์การสร้างเพจ
- การจัดการเรื่อง Navigation ในเว็บไซต์
- แก้ไขข้อความ
- อัปโหลดและจัดการรูปภาพ
- อัปโหลดและจัดการวิดีโอ
- จัดการข้อมูลสินค้า
- แบบฟอร์มสำหรับการติดต่อ
- เนื้อหาบนบล็อก
- การจัดการธีมเว็บไซต์
- เครื่องมือ Analytics และ Reporting Tools
โดยนอกจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่มักติดมากับตัวระบบ CMS ที่มีอีกมากมายแล้ว ส่วนใหญ่ยังสามารถดาวน์โหลดปลั๊กอินต่าง ๆ เพื่อเป็นฟีเจอร์เสริมเพิ่มเติมให้กับเว็บไซต์ได้อีกด้วยเช่นกัน
ประโยชน์ของการใช้ CMS ในภาคธุรกิจ
- สร้างเว็บไซต์ได้ง่าย ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านโปรแกรมก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง
- ประหยัดเงินลงทุน เพราะถ้าจ้างบริษัทพัฒนาเว็บไซต์โดยใช้ CMS จะมีค่าจ้างที่ถูกกว่าการใช้ CMS สำเร็จรูปโดยตรง
- ประหยัดเวลา ถ้าทำด้วยตนเองก็ไม่ต้องเสียเวลาศึกษาด้านโปรแกรมมาก
- สวยงาม มีหน้าตาเว็บไซต์หรือ Theme หลายแบบให้เลือก
- มีปลั๊กอินให้เลือกใช้ตามความต้องการ เช่น ตะกร้าสินค้า ปุ่มแชร์ไปยัง Facebook คอมเมนต์ด้วย ID Facebook เป็นต้น
- ดูแลง่าย เพราะระบบมีรูปแบบที่จัดการง่าย มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
ตัวอย่างของ CMS ที่นิยมในปัจจุบัน
WordPress
เป็น CMS ที่ถูกพัฒนาโดย แมตต์ มูลเลนเวน ที่เริ่มต้นจากการใช้งาน B2 หรือ Cafelog ในการลงรูปถ่าย ต่อมาผู้พัฒนา B2 ได้หยุดพัฒนา ทำให้แมตต์ มูลเลนแวน คัดลอกโปรแกรมของ B2 ที่เป็น GPL ซอฟต์แวร์ ซึ่งใครก็สามารถใช้โค้ดจากโปรแกรมนี้ได้มาพัฒนาต่อ โดยมีผู้ร่วมพัฒนาคือ ไมค์ ลิตเติล และคริสทีน ทรีมูเลต จึงทำให้ WordPress ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
ปัจจุบัน WordPress ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลก เพราะเป็นระบบที่ใช้งานง่าย มีความยืดหยุ่น ซึ่งจุดเด่นของ WordPress คือมี Plugin หรือโปรแกรมเสริม ที่ทำให้เว็บไซต์ตอบสนองการใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย รวมถึงระบบ E-commerce ที่เรียกว่า WooCommerce และมีธีมที่มีความหลากหลายสวยงาม ที่สำคัญคือรองรับการทำ SEO ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีเวลาค้นหาผ่าน Search Engine อย่าง Google
OpenCart
เป็นระบบ CMS ที่ถุกพัฒนาโดย แดเนียล เคอร์ จุดเริ่มต้นมาจากเขาต้องการระบบ E-commerce ที่สมบูรณ์ คือเป็นระบบที่ใช้โค้ดน้อย มีระบบเทมเพลต และเป็นมิตรกับ Search Engine เขาจึงสร้างระบบขึ้นมาด้วยตนเอง และเผยแพร่แวอร์ชั่น 0.x เป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี ค.ศ. 2005
OpenCart เป็น CMS ที่เหมาะกับธุรกิจ E-Commerce เนื่องจากรองรับการสร้างเว็บขายสินค้าออนไลน์ และมีโปรแกรมเสริม อย่างตะกร้าสินค้า หรือระบบชำระเงิน ที่ออกแบบมาเพื่อการขายสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นตรงที่ใช้งานง่าย หน้าตาเว็บไซต์มีความสวยงามเพราะปรับแต่งเทมเพลตได้ และเป็นมิตรต่อการทำ SEO
Magento
เดิมระบบ CMS นี้มีชื่อว่า Varien เหมือนกับชื่อบริษัทที่พัฒนา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชื่อ Magneto Inc. ในภายหลัง ซึ่ง Magento Inc. เป็นกลุ่มโปรแกรมเมอร์ใน Open Source Community ที่เคยทำงานร่วมกับ osCommerce ซึ่งเคยเป็น Open Source eCommerce ที่ดีที่สุด แต่ osCommerce หมดความนิยมในภายหลังเพราะ Framework พัฒนาต่อได้ยาก กลุ่ม Magento Inc. จึงพัฒนาขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง จนมีแอปพลิเคชันที่พัฒนามาพร้อมกันกับเว็บไซต์ และมีเวอร์ชั่นใหม่ออกมาเรื่อย ๆ
Magento เป็น CMS ที่เหมาะกับธุรกิจ E-Commerce เหมือนกับ OpenCart แต่มีจุดเด่นตรงที่สามารถดีไซน์หน้าตาของร้านค้าออนไลน์ได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดรูปแบบ และมีโปรแกรมเสริมสำหรับ E-Commerce ที่ CMS แบบอื่นไม่มี เช่น ระบบการออกโปรโมชั่น การเปรียบเทียบสินค้า เป็นต้น
การประยุกใช้ CMS ในงานต่าง ๆ
ระบบ CMS สามารถนำมาประยุกต์ในงานต่าง ๆ ที่หลากหลาย ตัวอย่างการนำซอฟต์แวร์ระบบ CMS มาประยุกต์ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น
- การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สถาบันการศึกษา ธุรกิจบันเทิง หนังสือพิมพ์ การเงิน การธนาคาร หุ้นและการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ งานบุคคล งานประมูล สถานที่ท่องเที่ยว งานให้บริการลูกค้า
- การนำ CMS มาใช้ในหน่วยงานของรัฐ อาทิ งานข่าว งานประชาสัมพันธ์ การนำเสนองานต่าง ๆ ขององค์กร
- การใช้ CMS มาสร้างเว็บไซต์ส่วนตัว ชมรม สมาคม สมาพันธ์ ด้วยวิธีการแบ่งงานกันทำ เป็นส่วน ๆ ทำให้เกิดความสามัคคี และมีการทำงานเป็นทีมเวิร์คที่มากยิ่งขึ้น
- การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OTOP กำลังได้รับความนิยมสูง
- การนำ CMS มาใช้แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์อื่น ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการพัฒนา
- การใช้ CMS ทำเป็น Intranet Web Site สร้างเว็บไซต์ใช้ภายในองค์กร
โดย CMS แต่ละแบบก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงต้องลองพิจารณาดูก่อนเป็นอันดับเเรก ว่าเว็บไซต์ของเรานั้นมีจุดประสงค์อะไร ยกตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณนำเสนอเกี่ยวกับข่าว เเละบทความ การเลือกใช้ WordPress ก็อาจเหมาะสมมากกว่า เเต่ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณเน้นการขายของออนไลน์ เเละมีสินค้าจำนวนไม่มาก WooCommerce ของ WordPress ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากคุณมีสินค้าจำนวนมาก การใช้ OpenCart หรือ Magento ที่เป็นระบบ E-Commerce โดยตรงก็จะตอบโจทย์มากกว่านั่นเอง
สรุป
ระบบหลังบ้านอย่าง CMS หรือ Content Management System เป็นระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีฟังก์ชันในการสร้างและบริหารเว็บไซต์สำเร็จรูป โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพานักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมเมอร์ ในการเข้าไปช่วยปรับปรุงแก้ไขระบบหลังบ้านของเว็บไซต์ ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ของธุรกิจหรือผู้ประกอบการลงไปได้เป็นอย่างมาก
แต่หากใครที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ใหม่ทั้งหมด และกำลังมองหาบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้สักเจ้าอยู่ล่ะก็ Hocco ของเรา คือบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ และดิจิทัลโซลูชั่นอย่างครบวงจร ด้วยทีมงานคุณภาพและความใส่ใจที่ต้องการเข้าใจปัญหาในตัวธุรกิจของคุณ รับรองได้ว่าดิจิทัลโซลูชั่นที่พัฒนานั้น จะตอบโจทย์ตรงกับความคาดหวัง และช่วยซัพพอร์ตธุรกิจของคุณให้พัฒนาต่อไปได้ยิ่ง ๆ ขึ้น
REF
https://www.webmaster.or.th/cms
https://www.mindphp.com/บทความ/24-cms-php/155-cms-คืออะไร.html
https://www.thaibusinesssearch.com/marketing/cms-content-management-system/
https://www.clicknext.com/cms
https://zixzax.net/ทำเว็บไซต์-ออกแบบเว็บไซ/cms-content-management-system-คืออะไร/
0 Comment