การค้นหาด้วยเสียงเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการค้นหาออนไลน์โดยการพูดใส่ไมโครโฟนหรืออุปกรณ์อื่น แทนที่จะพิมพ์ข้อความค้นหาลงในกล่องข้อความ เทคโนโลยีนี้ใช้อัลกอริธึมการรู้จำเสียงเพื่อถอดเสียงคำพูดของผู้ใช้เป็นข้อความ ซึ่งจะใช้เพื่อทำการค้นหา การค้นหาด้วยเสียงได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มขึ้นของผู้ช่วยเสมือน เช่น Alexa ของ Amazon และ Google Assistant และการใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่อื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการค้นหาด้วยเสียงมักจะรวดเร็วและสะดวกกว่าการพิมพ์ โดยเฉพาะบนหน้าจอขนาดเล็กหรือเมื่อผู้ใช้กำลังเดินทาง นอกจากนี้ การค้นหาด้วยเสียงยังสามารถใช้ในสถานการณ์ที่พิมพ์ได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้ เช่น ขณะขับรถหรือทำอาหาร
ก่อนหน้านี้ผมได้นำเสนอเรื่องราวของ Voice Search ว่าทำไมมันถึงจะเข้ามายึดครองพื้นที่การพิมพ์ในบทความบนเฟสบุ๊กของ HOCCO ซึ่งทุกคนสามารถไปตามอ่านได้ที่ Voice Search การค้นหาด้วยเสียงที่จะมายึดพื้นที่การพิมพ์ โดยข้อดีหลัก ๆ เลยอย่างหนึ่งของการค้นหาด้วยเสียงคือมันมีความแม่นยำโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการค้นหาที่ยาวหรือซับซ้อน เนื่องจากการค้นหาด้วยเสียงใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้และจดจำเสียง จึงสามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติและแปลความหมายเบื้องหลังคำพูดของผู้ใช้ แทนที่จะจับคู่ข้อความค้นหาที่ตรงกันทุกประการ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถถามคำถามที่เป็นธรรมชาติและเป็นบทสนทนามากขึ้นได้ และทำให้ได้รับผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องมากขึ้นด้วย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการค้นหาด้วยเสียง ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ข้อความค้นหา และยังสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ในขณะค้นหา ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถทำสิ่งอื่น ๆ ได้ในขณะค้นหา เช่น ทำอาหาร ขับรถ หรือแม้แต่เดินไปด้วยพูดไปด้วยก็ได้โดยไม่ต้องจดจ่อกับหน้าจอเหมือนอย่างการพิมพ์ การค้นหาด้วยเสียงเป็นวิธีที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ มีแนวโน้มว่าการค้นหาด้วยเสียงจะยังคงได้รับความนิยมและกลายเป็นวิธีการโต้ตอบกับเทคโนโลยีที่โดดเด่นมากขึ้นในอนาคต
ข้อดีและข้อเสียของการค้นหาด้วยเสียง
- ข้อดีของการค้นหาด้วยเสียง
1. Convenience (ความสะดวกสบาย): การค้นหาด้วยเสียงมักจะรวดเร็วและสะดวกกว่าการพิมพ์ โดยเฉพาะบนหน้าจอขนาดเล็กหรือเมื่อผู้ใช้กำลังเดินทาง
2. Accuracy (ความแม่นยำ): การค้นหาด้วยเสียงอาจแม่นยำกว่าการพิมพ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการค้นหาที่ยาวหรือซับซ้อน
3. Efficient (มีประสิทธิภาพ): ด้วยการค้นหาด้วยเสียง ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ข้อความค้นหา และยังสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ในขณะค้นหา
4. Hands-Free: สามารถใช้การค้นหาด้วยเสียงขณะทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ทำอาหาร ขับรถ หรือแม้แต่เดิน ทำให้เป็นแฮนด์ฟรี
5. Natural Language Processing: การค้นหาด้วยเสียงใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่เป็นธรรมชาติและเป็นบทสนทนามากขึ้น และได้รับผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
- ข้อเสียของการค้นหาด้วยเสียง
1. Privacy Concerns (ข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว): ผู้ใช้บางคนอาจกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัวของการมีอุปกรณ์คอยฟังพวกเขาอยู่เสมอ
2. Error-Prone (เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย): ข้อผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้หากเทคโนโลยีแปลความหมายที่ผู้ใช้พูดผิด
3. Language Limitations (ข้อจำกัดด้านภาษา): เทคโนโลยีบางภาษาอาจยังไม่รองรับอย่างสมบูรณ์
4. Background Noise: การค้นหาด้วยเสียงอาจได้รับผลกระทบจาก Background Nois ซึ่งทำให้เทคโนโลยีอาจไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้ใช้พูดหรืออาจเข้าใจได้ยาก
5. Not Suitable for Complex Queries (ไม่เหมาะสำหรับข้อความค้นหาที่ซับซ้อน): การค้นหาด้วยเสียงอาจไม่เหมาะกับข้อความค้นหาที่ซับซ้อน และอาจให้ผลลัพธ์ไม่มากเท่ากับการค้นหาแบบพิมพ์
ทำไมธุรกิจยุคปัจจุบันควรให้สำคัญกับ Voice Search?
เรื่องของ Growing Popularity หรือความนิยมที่เพิ่มขึ้น เนื่องด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ virtual assistants หรือผู้ช่วยเสมือนรวมถึงการใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่อื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน การค้นหาด้วยเสียงจึงแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การค้นหาด้วยเสียง ธุรกิจต่าง ๆ สามารถมั่นใจได้ว่าจะสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้กว้างขึ้นและอยู่นำหน้าคู่แข่ง
การ Improved User Experience หรือปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ ต้องบอกว่าเรื่องของ UX ก็มีส่วนสำคัญมาก ๆ ในแง่ของ Voice Search เพราะการค้นหาด้วยเสียงให้วิธีที่เป็นธรรมชาติและสะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหาด้วยเสียง ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ และทำให้ลูกค้าค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น การปรับปรุง UX ในส่วนนี้จึงเป็นส่วนที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญมาก ๆ
เรื่อง Increased Engagement หรือการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นระหว่างธุรกิจกับลูกค้า เนื่องจากการค้นหาด้วยเสียงช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ในขณะค้นหา ซึ่งอาจนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นและใช้เวลาบนเว็บไซต์มากขึ้นนั่นเอง
SEO ที่ดีขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหาด้วยเสียงยังสามารถปรับปรุงความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) ของธุรกิจได้อีกด้วย การใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติและเน้นที่คำหลักหางยาว ธุรกิจสามารถเพิ่มโอกาสในการแสดงในผลการค้นหาด้วยเสียงด้วย หากธุรกิจใดไม่ยอมปรับตัวและปรับเปลี่ยนก็อาจจะทำให้มีปัญหารในส่วนนี้ได้
Competitive Advantage หรือความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะเนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับการค้นหาด้วยเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจที่ไม่ให้ความสำคัญก็จะล้าหลัง ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การค้นหาด้วยเสียงในขณะนี้ ธุรกิจต่าง ๆ สามารถได้เปรียบในการแข่งขันและมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกทอดทิ้งในขณะที่เทคโนโลยียังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวกับ Voice Search หรือการค้นหาด้วยเสียงนั้น ธุรกิจต่าง ๆ ในปัจจุบันจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่การค้นหาด้วยเสียงเพื่อก้าวล้ำนำหน้าและปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า สิ่งนี้จะช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้นและอยู่เหนือคู่แข่ง และการค้นหาด้วยเสียงเป็นวิธีที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการค้นหาข้อมูลออนไลน์ มีแนวโน้มว่าการค้นหาด้วยเสียงจะยังคงได้รับความนิยมและกลายเป็นวิธีการโต้ตอบกับเทคโนโลยีที่โดดเด่นมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
0 Comment