ถ้าพูดถึง “บ้าน” ในความหมายของหลาย ๆ คนนอกจากจะเป็นสิ่งปลูกสร้างสำหรับอยู่อาศัยแล้ว บ้านก็ยังเป็นแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน เป็นร้านอาหาร เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ความหมายของบ้านในหลาย ๆ มิตินี้นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความเป็นอยู่ใน “บ้าน” ของผู้คนทุกหมู่เหล่าบนโลกใบนี้
ผมกำลังพูดถึงนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ หรือ Smart Home ที่หลาย ๆ คนรู้จักและคุ้นชินกันเป็นอย่างดีในยุคนี้ นวัตกรรมบนโลกใบนี้ได้พัฒนาไปอย่างก้าวไกล หากย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา เรามีเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้กันอย่างถ้วนหน้าอย่างทุกเฉกเช่นกับทุกวันนี้ แต่ไม่มีความซับซ้อนใดในอุปกรณ์เหล่านั้น อุปกรณ์ส่วนใหญ่มักเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานเดี่ยว ๆ จัดการการใช้งานที่เครื่องนั้น ๆ ไม่มีการเชื่อมโยงติดต่อกันกับอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างมากก็เป็นการสั่งงานผ่านรีโมทคอนโทรลเท่านั้น
ทว่าปัจจุบันทุกสิ่งอย่างกลับเปลี่ยนไป การมาของ IoT หรือ Internet of thing ก็ได้เพิ่มความอัจฉริยะให้กับอุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างรอบตัวเรา ไม่ใช่เป็นกระแสเพียงแค่ชั่วคราว แต่ Smart Home เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตคนและบทบาทการทำงานของอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านไปทั้งหมด
บ้านอัจฉริยะครอบคลุมตั้งแต่หลอดไฟไปยันกล้องวงจรปิด เราสามารถดูวิดีโอจากกล้องที่ติดไว้ในตัวบ้านผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ มีหลายสิ่งหลายอย่างภายในบ้านที่เราสามารถจัดการได้ด้วยคำสั่งเสียงผ่าน Alexa หรือ Google Assistant หรือแม้แต่การทำงานอัตโนมัติต่าง ๆ เช่นตัวควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน ระบบรักษาความปลอดภัยประดูบ้านหรือรั้วบ้าน รวมถึงอุปกรณ์ Smart Home อื่น ๆ ที่จะทำให้คุณสะดวกสะบายยิ่งขึ้นอย่างของใช้ภายในครัวเรือนต่าง ๆ
อำนวยความสะดวกและปลอดภัยกับอุปกรณ์ Smart Home ยุคใหม่
จากที่ได้เกริ่นถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในครัวเรือนไว้แล้ว เราจะมาทำความรู้จักเพิ่มเติมกับการทำงานของอุปกรณ์ Smart Home กัน เนื่องจาก Smart Home เป็นการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์จึงมีเรื่องของ “Smart Home Connectivity” เกิดขึ้น ซึ่งเราคงคุ้นชินกันดีกับ Wi-Fi ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับ IoT ด้วยความเร็วที่เร็วมาก แต่นอกจาก Wi-Fi แล้วการทำงานของ Smart Home ยังมีสามารถเชื่อมต่อแบบอื่น ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth, Z-Wave หรือ Zigbee ซึ่งอาจจะไม่รวดเร็วเท่า Wi-Fi แต่ก็เป็นตัวเลือกการเชื่อมต่อที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ระบบ Smart Home สมบูรณ์แบบมากขึ้นคงหนีไม่พ้น “Smart Assistants” หรือ “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” นั่นเอง โดยผู้ช่วยอัจฉริยะนั้นมีส่วนสำคัญมาก ๆ ในการพัฒนาระบบ IoT กับอุปกรณ์ Smart Home ด้วยการใช้คำสั่งเสียง ซึ่งที่เป็นที่นิยมและเรารู้จักกันดีนั่นก็คือ
- Alexa จาก Amazon
- Google Assistant จาก Google
- Siri จาก Apple
- Cortana จาก Microsoft
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะคนไหน ก็จะสามารถอำนวยความสะดวกสบายของคุณเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และในอนาคตการสั่งงานด้วยเสียงอาจกลายมาเป็นการทำงานหลักแทนที่การสัมผัสที่จะเป็นตัวกลางทำให้เราเชื่อมต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ไอทีทุกทางก็เป็นได้ ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมในส่วนของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเสียงได้ในบทความของ Hocco ก่อนหน้านี้ที่ Voice Interaction: พัฒนาการไร้ขอบเขตของเทคโนโลยีและเสียง
นอกจากความสะดวกสบายจากการสั่งงานด้วยเสียงที่ได้กล่าวไป ความปลอดภัยก็ต้องมาเป็นหลักเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน Smart Home ก็มีสิ่งตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยอยู่มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น
- Smart Plugs ซึ่งจะต่างจากปลั๊กธรรมดาที่สามารถปรับการจ่ายไฟฟ้าตามการใช้งาน สามารถเปิดปิดปลั๊กได้อัตโนมัติจากคำสั่งเสียงหรือบนแอปพลิเคชัน
- Smart Smoke and CO Sensors หรือเซนเซอร์ตรวจจับควันและคาร์บอนไดร์ออกไซด์ จะแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน สามารถมั่นใจได้ในกรณีที่เครื่องเตือนดังขึ้นแต่เราไม่ได้อยู่ในบ้านขณะนั้น
- Smart Flood Sensors หรือเซนเซอร์กันน้ำท่วม ติดตั้งไว้ที่อ่างล้างจานหรือเครื่องซักผ้า กรณีมีท่อน้ำแตกหรือล้นก็จะมีการตรวจจับแล้วแจ้งเตือนไปที่แอปพลิเคชันบนมือถือของคุณเพื่อแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงทีได้
- Smart Speaker นวัตกรรมลำโพงอัจฉริยะ ที่จะพาคุณเข้าไปในโลกของการฟังเพลงเพียงแค่เรียกใช้สั่งงานด้วยเสียง ตัวอย่างเช่น xiaomi smart speaker แม้ไม่ใช่ product ของ google โดยตรงสามารถสั่งการผ่าน Google Assistant ได้เช่นเดียวกัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างความอัจฉริยะเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเทคโนโลยีด้าน Smart Home ในยุคนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกมากมายที่เข้ามาตอบสนอง life style ชีวิตและความเป็นอยู่ของทุกคน เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น สะดวกมากขึ้น และตอบสนองการใช้ชีวิตที่รวดเร็วของคนยุคนี้ ตลาดอุปกรณ์ IoT ที่กว้างขึ้นก็ทำให้ราคาของอุปรณ์เหล่านั้นอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถจับต้องได้ ทำให้บ้านแทบทุกบ้านบนโลกใบนี้ได้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยของเทคโนโลยี กลายเป็นบ้านอัจฉริยะไปแทบทั้งหมด จากทุกอย่างที่ต้องทำด้วยระบบ Manual ด้วยการออกแบบที่เข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ กลายเป็นเทคโนโลที่ก้าวล้ำ ความสะดวกอยู่ที่ปลายนิ้ว หรืออาจจะแค่เปล่งเสียงเรียก “Hello Google!” หรือ “Alexa!” ให้ทำงานแทนแค่นั้น
0 Comment