×

START A PROJECT

We are here to build a high-quality extension for brands to serve your consumers.

    By HOCCO - 03 สิงหาคม 2023

    Native Application คืออะไร ดูความต่างระหว่าง Native VS Hybrid Vs Web Apps

    ในบทความก่อน เราได้ทำความรู้จักกับ Web Application ไปเรียบร้อยแล้ว ในบทความนี้ Hocco จึงจะพาไปทำความรู้จักกับแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ อย่าง Native Application ที่เป็นแอปพลิเคชั่นอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งแตกต่างจาก Web Application รวมไปถึงนำไปเปรียบเทียบกันระหว่าง Native Application VS Hybrid Application Vs Web Application ว่าทั้ง 3 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

    Native Application คืออะไร แอปพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเฉพาะเจาะจง


    Native Application คือโปรแกรมซอฟต์แวร์ ที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้างขึ้นเพื่อใช้บนแพลตฟอร์มหรืออุปกรณ์เฉพาะ เนื่องจากนักพัฒนาซอฟตแวร์นั้นสร้าง Native Application ขึ้นมาสำหรับใช้บนอุปกรณ์เฉพาะ และระบบปฏิบัติการของมัน จึงมีความสามารถในการใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เฉพาะอุปกรณ์ ทำให้ Native Application สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุด เช่น GPS เมื่อเทียบกับ Web Application หรือแอปพลิเคชั่นบนระบบคลาวด์ในมือถือ ที่พัฒนาให้เป็นแบบทั่วไปในหลายระบบนั่นเอง

    หรือโดยสรุปแล้ว Native Application คือการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ใช้รูปแบบการพัฒนา และชุดคำสั่งต่าง ๆ ตามที่ผู้พัฒนาอุปกรณ์ได้จัดทำขึ้น เช่น

    - Android : ใช้ภาษา Java และใช้โปรแกรม Android Studio ในการพัฒนา

    - Window Phone : ใช้ภาษา C# และใช้โปรแกรม Visual Studio ในการพัฒนา

    - iOS : สำหรับ iPhone iPad Apple Watch นั้นจะใช้ภาษา Object C หรือ Swift โดยการพัฒนาจะต้องใช้โปรแกรม XCode เป็นต้น

    ข้อดีข้อเสียของ Native Application VS Hybrid Application Vs Web Application


    เปรียบเทียบข้อดีของ Native Application VS Hybrid Application Vs Web Application

    Native ApplicationHybrid ApplicationWeb Application
    การทำงานของแอปพลิเคชั่นค่อนข้างเร็วกว่าแอปพลิเคชั่นประเภทอื่น ๆพัฒนาด้วย HTML CSS และ JavaScript ทำให้การพัฒนามีความง่าย และเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วสำหรับมือใหม่มีความคุ้มค่ามากในการพัฒนา เพราะสามารเข้าถึงผ่านการให้บริการแบบ World Wide Web (www) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่ใช้งานกันทั่วโลก
    ตัวแอปพลิเคชั่นสามารถใช้งานในโหมดออฟไลน์ได้ และสามารถนำขึ้นให้ผู้ใช้โหลดจาก AppStore หรือ Play Store ได้พัฒนาเพียงครั้งเดียว สามารถนำไปใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม ทั้ง iOS Android และ Window Phoneสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ และรองรับการใช้งานผ่านในทุกอุปกรณ์
    การปรับแต่งหน้าจอของแอปพลิเคชั่น สามารถกำหนดได้เองตามความต้องการใช้ต้นทุนในการพัฒนาน้อยกว่า Native Applicationสามารถพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีหลักที่เป็นมาตรฐาน เช่น HTML CSS และ JavaScript ซึ่งทำให้เป็นเรื่องง่ายในการพัฒนา
    อัตราส่วนของภาพในหน้าจอ (UI) ของแอปพลิเคชั่น จะถูกรักษาไว้ให้คงที่อยู่เสมอสามารถเข้าถึงการใช้งาน API แบบดั้งเดิมได้สามารถปรับแต่งการแสดงผล และการใช้งาน Web Application ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
    สามารถใช้งานชุดคำสั่งต่าง ๆ สำหรับแพลตฟอร์มนั้น ๆ ได้อย่างครบถ้วนมีการปรับปรุงและดูแลรักษาที่ทำได้ง่ายกว่าแอปพลิเคชั่นรูปแบบอื่น ๆไม่ต้องติดตั้ง หรือดูแลโปรแกรมให้ยุ่งยาก
    สามารถใช้งานความสามารถของอุปกรณ์ได้เต็มประสิทธิภาพ เช่น การเรียกใช้งานกล้อง เข็มทิศ และอื่น ๆวงรอบในการพัฒนาเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับ Native Applicationไม่ต้องมีบุคคลากรด้านเทคนิคเป็นของตัวเอง เพราะผู้ให้บริการดูแลเซิฟเวอร์ และการบำรุงรักษาเองทั้งหมด

    เปรียบเทียบข้อเสียของ Native Application VS Hybrid Application Vs Web Application

    Native ApplicationHybrid ApplicationWeb Application
    โดยทั่วไปแอปพลิเคชั่นเหล่านี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่nการทำงานช้ากว่า Native Application ค่อนข้างมากจำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อให้ใช้งาน Web Application ได้
    ตัวแอปพลิเคชั่นสามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการเดียวกันเท่านั้น หากไม่ได้มีจุดประสงค์ที่สร้างขึ้นมาสำหรับระบบอื่น ๆหน้าจอ (UI) มีการแสดงผลที่ไม่สอดคล้องกันสำหรับทุกระบบปฏิบัติการมีการทำงานที่ค่อนข้างช้ากว่า Native Application ที่ถูกติดตั้งมาในเครื่อง
    ต้องพัฒนาแยกกันในแต่ละแพลตฟอร์มคือ ถ้าต้องการมีแอปพลิเคชั่นบน iOS Android Window Phone จะต้องพัฒนาแยกกันประสิทธิภาพในการทำงานจะน้อยกว่า Native Applicationมีขนาดไฟล์ใหญ่กว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแอปพลิเคชั่นแบบอื่น ๆ
    มีต้นทุนในการพัฒนาสูง เนื่องจากต้องใช้จำนวนคน และระยะเวลาในการพัฒนามากบางกรณีอาจจะไม่สามารถใช้งานความสามารถของอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากหลาย ๆ ปัจจัยขึ้นอยู่กับ Framework ที่เลือกในการพัฒนาว่ามี Component ที่ต้องการใช้งานหรือไม่ฝั่ง User ที่ใช้งาน ไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ บน Web Application ได้
    ต้องการการปรับปรุง หรือบำรุงรักษามากกว่า เมื่อเทียบกับแอปพลิเคชั่นรูปแบบอื่น ๆประสบการณ์ของผู้ใช้งานไม่ดีเท่าการใช้งานแบบ Native Applicationไม่เหมาะสมสำหรับโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับข้อมูลส่วนบุคคล

    ความต่างระหว่าง Native Application VS Hybrid Application Vs Web Application

    Native Application

    Native Application เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชั่น ที่ต้องการใช้ความสามารถของตัวเครื่องให้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเครื่อง หรือการจัดการบริหารจัดการหน่วยความจำอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนาเกม หรือแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้ความเข้าใจถึงรูปแบบการทำงานของระบบปฏิบัติการ ของผู้ผลิตแต่ละรายว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ทำให้การจะเลือกพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ Native ต้องคำนึงถึงความต้องการต่าง ๆ ของแอปพลิเคชั่นเป็นหลักว่าคุ้มค่าที่ต้องพัฒนาแบบ Native Application หรือไม่

    Hybrid Application

    Hybrid Application มีความโดดเด่นในเรื่องของการพัฒนาที่ทำได้ง่ายและพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อพัฒนาเสร็จก็สามารถใช้งานแบบ Cross-Platforms ได้เลย แต่ถ้าเป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว หรือการใช้งานฟีเจอร์เพื่อติดต่อกับส่วนต่าง ๆ ของอุปกรณ์ จะยังมีประสิทธิภาพที่น้อยกว่าการพัฒนาในรูปแบบ Native Application อยู่ดี ดังนั้น การจะเลือกพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ Hybrid จึงต้องคำนึงถึงรูปแบบในการพัฒนา ว่าต้องการความรวดเร็วและง่ายต่อการพัฒนาหรือไม่ อีกทั้งการพัฒนาในรูปแบบนี้ สามารถตอบโจทย์การใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์หรือเปล่า เป็นต้น

    Web Application

    Web Application คือแอปพลิเคชั่นเหมาะกับองค์กรขนาดเล็กเพราะมีค่าใช้จ่ายต่ำ และคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนการใช้งานจริง ทำให้การใช้งานในองค์กรทำได้ง่าย เพียงแค่มี Web Browser ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐานในคอมพิวเตอร์ปัจจุบันแทบทุกเครื่องก็ใช้งานได้ มีการจัดเก็บข้อมูลที่เดียว ทำให้ง่ายต่อการจัดการและไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการเก็บข้อมูล อีกทั้งยังสะดวกในการใช้งาน อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ เพราะสามารถ Login เข้าใช้งานได้เลยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม และไม่ต้องมีบุคคลากรด้านเทคนิคเป็นของตัวเอง เพราะมีผู้ให้บริการดูแล Server และ Maintenance ให้เองทั้งหมด ซึ่งการจะเลือกพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบ Web ต้องคำนึงถึงงบประมาณของบริษัท และจุดประสงค์ในการใช้งาน ว่าต้องการความเรียบง่ายในการจัดการเพียงใด

    สรุป

    สำหรับ Native Application มันคือโปรแกรมซอฟต์แวร์ ที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้างขึ้นเพื่อใช้บนแพลตฟอร์มหรืออุปกรณ์เฉพาะ รวมไปถึงมีระบบปฏิบัติการของมันเอง จึงมีความสามารถในการใช้ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์เฉพาะอุปกรณ์ ซึ่ง Native Application สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุด เช่น GPS เมื่อเทียบกับ Web Application หรือแอปพลิเคชั่นบนระบบคลาวด์ในมือถือ ที่พัฒนาให้เป็นแบบทั่วไปในหลายระบบนั่นเอง

    และ Hocco ของเราเอง ก็พร้อมที่จะรับงานพัฒนา Native Application ด้วยทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของบริษัทเราที่มากความสามารถ ด้วยการเลือกใช้การบริหารจัดการและกระบวนการพัฒนาที่ดี รวมไปถึงเหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อที่คุณจะได้รับซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานได้จริง และช่วยให้ธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ สำหรับใครที่สนใจ ติดต่อเราได้โดยตรงที่เว็บไซต์ของ Hocco ได้เลย

    อ้างอิง

    https://aws.amazon.com/th/compare/the-difference-between-web-apps-native-apps-and-hybrid-apps/

    https://www.9experttraining.com/articles/mobile-application-native-app

    https://www.mindphp.com/คู่มือ/73-คืออะไร/3662-native-application-เนทีฟ-แอพพลิเคชั่น-คืออะไร.html

    https://www.codebee.co.th/อะไรคือ-hybrid-vs-native-application.html

    https://imd.co.th/2019/04/09/mobile-application-แบ่งได้กี่ประเภท/

    https://cleancommit.io/blog/native-app-vs-web-app-are-native-apps-still-relevant/

    https://www.seo-winner.com/What-are-native-apps

    https://www.mangoconsultant.com/th/news-knowledge/knowledge/274-application-แอพพลิเคชั่น-คืออะไร

    https://techsauce.co/saucy-thoughts/eiq-insights-native-versus-hybrid-mobile-apps

    https://patsapol-pro.medium.com/native-vs-hybrid-vs-web-apps-สร้าง-apps-แบบไหนดีกว่ากัน-183e2439a512 

    0 Comment