จากสองบทความที่แล้วผมได้พูดถึง tools ของ Designer สาย UX/UI และสาย Graphic กันไปแล้ว วันนี้เราจะข้ามมากันที่ฝั่งของ Architecture หรือสายงานด้านสถาปัตยกรรมกันบ้าง มาดูกันว่า Tools ที่นักออกแบบใช้สร้าง Model สถาปัตยกรรมต่าง ๆ นั้น tools ที่เป็นความนิยมที่สุดจะมีตัวไหนกันบ้าง
วันนี้ผมหยิบเอาผลสำรวจที่สรุปผลรายงานโดยคุณ Michael Kurko นักเขียนของ THE BALANCE SMALL BUSINESS ในบทความ Best Architecture Software Platforms (Find the right software to build your practice) ซึ่งในบทความจะเขียนถึงเครื่องมือหลากหลายชนิด ซึ่งก็มีหลายชนิดที่เป็นที่เห็นตรงกันกับที่ทางนักเขียนของเราได้ไปสำรวจการใช้ tools จาก Designer ในวงการ Architecture เมืองไทยด้วย โดยหลัก ๆ วันนี้ที่จะนำมาแชร์ให้กับทุกคนได้อ่านกันมีทั้งหมด 2 ชนิด ไปดูกันเลย
1.SketchUp
เริ่มกันที่ SketchUp เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเป็นนักออกแบบด้านสถาปัตยกรรม ซึ่ง SketchUp ได้รับการพัฒนาและเปิดตัวต้อนรับสหัสวรรษใหม่ในปี 2000 เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างโมเดล 3 มิติเอนกประสงค์ที่ผู้ใช้สามารถเรียนรู้และสนุกในการใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับงานสถาปัตยกรรม การออกแบบภายใน ภูมิสถาปัตยกรรม และงานเขียนแบบวิศวกรรมโยธาและเครื่องกล เป็นตัวเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น อาจจะเนื่องจากราคาที่เป็นมิตร รวมถึง Interface ที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย และยังมีรุ่นทดลองใช้บนเว็บฟรีอีกด้วย
ภาพ; The ease of super-smart 3D modelling software: จาก; https://www.sketchup.com/
นักออกแบบหลาย ๆ คนคงทราบกันดีว่าถึงแม้ว่า SketchUp จะมีคุณลักษณะน้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้และทำความเข้าใจ และเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเรียนในการทำความคุ้นเคยเพื่อที่จะทำการสร้างแบบจำลอง 3 มิติก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ขั้นสูง
SketchUp มีการชำระเงินหลายแบบ ซึ่งเหมาะสำหรับสถาปนิกที่ต้องการเรียนรู้พื้นฐานของการออกแบบ อย่างแรกคือ SketchUp Pro มีค่าใช้จ่าย 299 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี สามารถใช้งานโมเดล 3 มิติที่แม่นยำโดยใช้ไลบรารีส่วนประกอบที่ครอบคลุมซึ่งมีพื้นผิวและวัสดุที่มีพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์ อีกแบบคือ SketchUp Studio ราคา 699 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี สามารถใช้งานทั้งหมดในส่วนของ SketchUp Pro plus ที่ช่วยให้ผู้ใช้วิเคราะห์การใช้พลังงานและแสงแดด
นอกจากนี้ยังมีไลบรารีวัตถุ 3D ที่มีความเที่ยงตรงสูง และยังสนับสนุนการทำงานร่วมกันและพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ มีการนำเสนอในรูปแบบ 2D อย่างมืออาชีพ และความสามารถในการทัวร์ชมโมเดลในขนาด 1:1 โดยใช้ AR/VR และแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ SketchUp ซึ่งความพิเศษสุด ๆ ของทั้ง SketchUp Pro และ Studio คือการมีพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ไม่จำกัดสำหรับการแชร์โปรเจ็กต์และการทำงานร่วมกัน
ด้วยเหตุผลข้างต้นนี่เองทำให้ SketchUp จึงเป็น Tool ที่เหมาะกับนักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่มีงบประมาณจำกัด เพราะนอกจากจะมีรูปแบบราคาให้เลือกจ่ายแล้ว ยังสามารถทดลองใช้เวอร์ชันบนเว็บของ SketchUp ได้ฟรี ซึ่งมีตัวสร้างแบบจำลอง 3 มิติพื้นฐานช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแบบจำลองที่ผู้ใช้สร้างขึ้น และสามารถดูแบบจำลอง 3 มิติบนอุปกรณ์พกพา และนำเข้า ส่งออกไฟล์กราฟิกหลายประเภท อีกทั้งบน SketchUp Free ยังมาพร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ 10 GB สำหรับการแชร์โปรเจ็กต์และการทำงานร่วมกันอีกด้วย
Autodesk 3ds Max (formerly 3D Studio and 3D Studio Max)
3D Studio Max เปิดตัวโดย Autodesk ในปี 1996 เป็นโปรแกรมกราฟิกคอมพิวเตอร์ 3 มิติที่ออกแบบมาสำหรับการสร้างแอนิเมชั่น 3 มิติ โมเดลเกม และรูปภาพ และเป็นที่นิยมอย่างมากในงานด้านการออกแบบสถาปัตกรรมและนอกจากจะนิยมใช้ใช้โดยสถาปนิกแล้ว ยังใช้กันอย่างแพร่หลายโดยนักพัฒนาวิดีโอเกม สตูดิโอทีวีและภาพยนตร์อีกด้วย นักออกแบบหลายคนได้เลือกให้ 3D Studio เป็น tool สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการนำเสนอแบบ 3 มิติ เนื่องจากช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและออกแบบสถาปัตยกรรมที่เต็มรูปแบบของโปรเจ็กต์ได้ด้วยการเรนเดอร์ที่เหมือนจริงเสมือนภาพถ่าย
ความดีงามอีกอย่างของ 3D Studio Max คือการทำให้ผู้ใช้งานสามารถนำเข้าภาพวาด 2D และสามารถแปลภาพเหล่านั้นที่เรานำเข้ามาบนโปรแกรมมากำหนดพื้นผิว แสดงผล และให้แสงในรูปแบบ 3D ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ใช้งานสามารถสร้างแบบจำลองสถาปัตยกรรม 3 มิติที่เหมือนจริง
และเนื่องจาก 3D Studio max เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Autodesk จึงสามารถนำเข้าไฟล์จากทั้ง Revit และ AutoCAD ได้อย่างราบรื่น พร้อมทั้งยังสามารถนำเสนอการเรนเดอร์ 3D ที่แม่นยำและสมจริงที่สุดที่มีอยู่ ทั้งการเรนเดอร์เป็นภาพเคลื่อนไหว การแรเงา การหักเหของแสงต่าง ๆ รวมถึงการเบลอจากการเคลื่อนไหวที่สมจริงอย่างมาก ซึ่งคุณลักษณะทั้งหมดเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างงานนำเสนอที่เหมือนจริงเพื่อช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพว่าการออกแบบจะมีลักษณะอย่างไรเมื่อสร้างขึ้นมาจริง ๆ
อาจจะเป็นข้อเสียของผู้ใช้งานบน MacOS เพราะ 3D Studio Max ใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ Windows เท่านั้น และมีตัวเลือกราคาสามแบบ คือสามารถสมัครสมาชิกรายปีมาตรฐานราคา 1,785 ดอลลาร์สหรัฐ สมัครสมาชิกรายเดือนราคา 225 ดอลลาร์สหรัฐ และสมัครสมาชิกสามปีราคา $5,085 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สามารถทดลองใช้ฟรี 30 วัน
จากตัวอย่างเครื่องมือทั้ง 2 ชนิดที่นำมาบอกเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันในวันนี้เป็นเพียงเครื่องมือที่หลาย ๆ คนเลือกใช้กัน และหลาย ๆ คนก็อาจเคยได้ยินชื่อผ่านหูมาบ้าง ซึ่งต้องบอกว่าทั้งสองตัวนี้เป็นตัวท็อปที่ติดผลสำรวจจากหลากหลายเว็บไซต์ แต่นอกจากสองตัวนี้ก็ยังมีอีกหลากหลาย tools ไม่ว่าจะเป็น AutoCAD, ARCHICAD, Rhino, Revit และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกัน เหมาะกับคนทำงานที่แตกต่างกัน หวังว่าบทความนี้จะทำให้หลาย ๆ คนที่ไม่ได้ทำงานสายออกแบบด้านสถาปัตกรรมหรือนักออกแบบด้านอื่น ๆ ได้รู้จักเครื่องมือเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กัน
0 Comment