ที่สุดของ Graphic Design Tools ในปี 2022

บทความนี้ยังอยู่กันที่เรื่องของเครื่องมือเหล่านักออกแบบจากหลากหลายสายงาน รอบนี้เราจะมากันที่กราฟิกดีไซน์เนอร์บ้าง ถ้าพูดถึงการทำกราฟิกหลาย ๆ คนที่อาจจะไม่ได้ทำงานสายนี้คงจะคิดว่าเหล่านักออกแบบจะใช้ tools อะไรในการทำงาน มีแค่ Ai กับ Photoshop มันเพียงพอหรือเปล่า วันนี้ผมจะมาพูดถึง tools ต่าง ๆ ที่รวบรวมมาว่าเป็นสุดยอด Tools ที่ดีไซน์เนอร์ทั่วโลกนิยมใช้กันในปี 2022 จะเป็นเครื่องมื่อที่ทุกคนใช้กันอยู่หรือเปล่า หรือมีตัวไหนที่ยังไม่เคยใช้ มาไปทำความรู้จักเครื่องมือเหล่านี้พร้อม ๆ กันได้เลยครับ

Adobe Illustrator

ตามที่บอกไปว่า Illustrator หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่ออย่าง Ai ต้องเป็น Tool ที่นักออกแบบทุกคนรู้จักอย่างแน่นอน Ai แทบจะเป็นเครื่องมือชิ้นแรก ๆ ที่คนที่สนใจงานกราฟิกดีไซน์สนใจและเลือกเรียนรู้พื้นฐานการออกแบบจาก Tool นี้อย่างแน่นอน

Adobe Illustrator เป็นเครื่องมือที่อยู่มานานตัวหนึ่ง ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกตั้งแต่ปี 1987 และปัจจุบันในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้กลางเดือนเมษายนปี 2022 เครื่องมือนี้คือ version 26.2.1 ที่ถูกอัปเดตครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ​​Adobe Illustrator ให้ทดลองใช้งานได้ฟรีเจ็ดวัน มีให้เลือกจ่ายทั้งแบบรายเดือนและรายปี หากเราเเลือกแผนรายปี ค่าใช้จ่ายก็จะถูกกว่ารายเดือนประมาณหนึ่งเลย ราคารายปีเฉลี่ยต่อเดือนแล้วจะอยู่ที่ประมาณเดือนละ $20.99 หรือ 723 บาท ส่วนถ้าเลือกจ่ายเป็นเดือนจะอยู่ที่ $31.49 หรือ 1085 บาทโดยประมาณ

ข้อดีของ Adobe Illustrator คือการที่สามารถผสมผสานรวมกับเครื่องมืออื่น ๆ อื่น ๆ ในตระกูล Adobe ได้ เช่นเราสามารถดึงไฟล์รูปภาพต่าง ๆ ที่เราทำการแก้ไขหรือปรับแต่งบน Photoshop มาทำงานต่อบน Ai ได้ อีกทั้งยังมีเครื่องมือออกแบบเวกเตอร์ที่หลากหลาย และยังสามารถเข้าถึงรูปภาพ กราฟิก เทมเพลต และวิดีโอกว่า 90 ล้านรายการจาก Adobe Stock ได้อีกด้วยด้วย

Affinity Designer

มาดูตัวที่สองกันเลยอย่าง Affinity Designer ตัวนี้หลาย ๆ คนบอกว่าเป็นโปรแกรมที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับโปรแกรมในตระกูล Adobe อย่าง Photoshop และ Illustrator ที่สุด ทางด้าน Affinity Designer เองก็ได้บอกว่าตัวเองเป็นเครื่องมือการออกแบบที่ทรงพลังที่สุด เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของนักวาดภาพประกอบมืออาชีพ รวมถึงดีที่สุดสำหรับการสร้างคอนเซปต์อาร์ต พิมพ์โปรเจ็ก โลโก้ ไอคอนต่าง ๆ ไปจนถึงการออกแบบ UI ของแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ด้วย โดยว่ากันว่านักออกแบบเกมหลายพันคนยืนยันว่า Affinity Designer เป็นการผสมผสานที่ลื่นไหลของเครื่องมือการออกแบบ Vector และ Raster

 ข้อดีของ Affinity Designer ที่หลาย ๆ คนบอกเป็นเสียงเดียวกันคือเรื่องของความรวดเร็ว Affinity Designer ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุด ซึ่งใช้งานได้อย่างไม่ติดขัดและตอบสนองฉับไว มีลื่นไหลอย่างเหลือเชื่อทำให้เรา ใช้งานอย่างเพลิดเพลินทั้งยังสามารถแพนและซูมที่ 60fps มีการไล่ระดับสี เอฟเฟกต์ และการปรับแต่งและแสดงผลแบบเรียลไทม์อีกด้วย

Gravit Designer

อีก 1 เครื่องมือที่จะพูดถึงในวันนี้คือ Gravit Designer PRO ตัวนี้เป็นเครื่องมือการออกแบบเวกเตอร์ระดับมืออาชีพที่เราสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่บนเครื่องใดก็ได้ทั้ง Windows, Mac, Chrome OS และ Linux เป็นเครื่องมือออกแบบกราฟิกที่รวดเร็วและยืดหยุ่นมาก ๆ Gravit Designer เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ทั้งแบบฟรี และ แบบ PRO 

ส่วนที่ดีที่สุดของ Gravit Designer คือความสามารถในการปรับแต่งและ (อาจจะ) ใช้งานที่ง่ายกว่าโปรแกรมอื่น ๆ ซึ่ง Gravit Designer แบบฟรีมีพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 500MB มีความสามารถในเรื่องของการ export ไฟล์ PDF คุณภาพ 72 และ 150 DPI และ Colour Space แบบ RGB เท่านั้น

ส่วนในเวอร์ชัน PRO ตัว Gravit Designer มีพื้นที่จัดเก็บบนคลาวน์แบบไม่จำกัด มีความสามารถในการ Export ไฟล์ PDF คุณภาพสูงสุด 300dpi มี Colour Space ให้เลือกทั้ง CMYK, HSB และ RGB สามารถใช้งานแบบ Ofline มีความโดดเด่นในเรื่องของ Advanced Export Options หรือตัวเลือกการส่งออกขั้นสูง และรองรับ Version History ในกรณีที่เราต้องการตรวจทานดูว่าเราแก้ไขงานไปเมื่อไหร่อีกด้วย

จากทั้งเครื่องมือทั้งหมดสามตัวอย่างที่ได้นำมาบอกเล่ากันอาจไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ถูกใจทุก ๆ คนมากที่สุด การเลือกใช้เครื่องมืออาจมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างให้ต้องเลือก บางคนอาจถนัดเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งมาก ๆ แต่องค์กรที่ทำงานอยู่อาจกำลังใช้งานเครื่องมือที่คุณไม่ถนัด นี่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องปรับเปลี่ยนและเรียนรู้การใช้งานเครื่องมือที่หลากขึ้นไป จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันหลาย ๆ เครื่องมือเริ่มมีความยืดหยุ่นในการใช้งานร่วมกันมากขึ้น มีหลากหลายเครื่องมือที่รองรับไฟล์กราฟิกจากเครื่องมืออื่น ๆ มาทำต่อได้ จากการแข่งขันที่สูงขึ้นในปัจจุบันเครื่องมือใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นต่างก็เรียนรู้จากความต้องการของผู้ใช้งานว่าที่ผ่านมาเครื่องมือสำหรับการออกแบบมีปัญหากับนักออกแบบอย่างไร ทำให้นักออกแบบในปัจจุบันมีเครื่องมือให้เลือกใช้ตามความต้องการและความถนัดของตนเองอย่างมากมาย