สองบทความก่อนหน้านี้ผมได้เขียนถึงแพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่โดดเด่นในตลาดตอนนี้ไม่ว่าจะเป็น OpenSea.io และ Foundatio.app ซึ่งน่าจะทำให้ทุกคนได้รู้ถึงข้อมูลเบื้องต้นสำหรับทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้กันแล้ว วันนี้เองผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ JulWallet หรือ JustLiquidity ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของเงินดิจิทัล (digital currency) ในตลาด คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่ทำงานบนระบบ Blockchain ในปัจจุบันนี้ไปพร้อม ๆ กันครับ
JulWallet เป็นระบบการเงินที่กระจายอำนาจซึ่งสร้างขึ้นเพื่อปฏิวัติตลาดการเงิน โดยการทำงานของ JulWallet จะหลีกเลี่ยงบุคคลที่สามหรือ third parties ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวระหว่างคุณกับเงินที่อยู่ใน Wallet ของคุณ ซึ่งเป้าหมายและความสำสูงสุดคือการจัดลำดับความสำคัญและตอบสนองผู้ใช้ทุกคน เพียงแค่มี Smart Phone ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น
จาก Whitepapaer ของ JulWallet ที่ได้เขียนเอาไว้ถึงบริการด้านการเงินว่า บริการธนาคารทั่วไปเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่พลเมืองทุกคนไม่สามารถเข้าถึงได้ JulWallet บอกว่าประชากรกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านธนาคารนี้ไม่สำควรถูกทิ้งไว้โดยปราศจากระบบการเงินที่เชื่อถือได้และได้รับการปกป้องที่เหมาะสม ซึ่งจากการอ้างอิงแล้ว จำนวนของประชากรทั้งหมดที่ถูกละเลยโดยสถาบันการเงินทั่วไปคืออยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านคนเลยทีเดียว
JulWallet เองจะมี JulCard ที่เป็นบัตรเดบิตเสมือนจริงที่ให้ผู้ใช้ชำระเงินกับผู้ค้ากว่า 60 ล้านคนทั่วโลก ด้วยการกระจายอำนาจที่บริสุทธิ์จนกว่าเงินจะไปถึงผู้ให้บริการชำระเงิน สามารถใช้จ่าย Crypto ได้ทุกที่ ทั้งทางออนไลน์และในร้านค้าออฟไลน์ และจะได้รับ Crypto rewards มากถึง 6% ทุกครั้งที่คุณใช้จ่ายกับ JulCard แต่ Cashback Rewards ดังกล่าวจะไม่สามารถใช้ได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถผูกใช้ร่วมกับ Wallets อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay อีกด้วย
และนอกจากนี้ยังมีในส่วนของการเข้าถึงแพคเกจเพิ่มเติมของ JulCard เราจะต้อง Stake JulD หากต้องการเพิ่มวงเงินในการใช้จ่ายรายวันหรือรับเงินคืนมากขึ้น เราต้องทำการ Stake JulD เพื่ออัปเกรดแพ็คเกจของเรานั่นเอง และการ Stake นั้นสามารถทำอย่างไรได้บ้าง การ Stake ก็จะคล้ายคลึงกับการที่เรานำเงินไปฝากธนาคาร แต่มันจะเป็นการฝากเงินดิจิทัลไว้ในแพลตฟอร์มหรือกระเป๋าเงินที่รองรับการ Stake ซึ่งรางวัลและผลตอบแทนก็จะมีเงื่อนไขแตกต่างกัน
JulWallet เองมีในส่วนของ Integrated Token ที่นอกจาก JulD แล้วก็มีอีกมากมายที่รองรับไม่ว่าจะเป็น SpookySwap, Fantom Token (FTM), BTC หรือ Bitcoin, ethereum, MAI (MIMATIC), USDC หรือ USD Coin และ tomb
ข้อดีที่ JulWallet ทำให้หลายคนเลือกใช้
- Cashback Offer อย่างแรกที่เคยบอกไปคือหากมีการใช้จ่าย Crypto ด้วย JulCard ก็จะได้รับเงินคืนสูงถึง 6%
- Compatibility คือสามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay
- รองรับการใช้งานมากกว่า 62 ประเทศ
- Funding Control คืออยู่ภายใต้การควบคุมของเรา 100% แน่นอนด้วยสิ่งที่เรียกว่า Smart Contract Stored Debit Card Funds
- Easy To Install โดยนับว่าเป็น Decentralized Wallet ที่ติดตั้งง่ายสุด ๆ
Julwallet ยังเป็นอีกหนึ่งอย่างที่จะพาเราไปสัมผัสประสบการณ์การเข้าถึงเครือข่าย Crosschain และการโอนโทเค็น Crosschain มี Integrated Networks ที่รองรับมากมายไม่ว่าจะเป็น BNB Chain, Ethereum, Avalanche, TomoChain, Fantom, BNB Chain TEST NET, Ropsten และ Matic นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับโซลูชันแบบ end-to-end ที่ครอบคลุมคุณลักษณะทั้งหมดของ Metamask wallet อีกด้วย
0 Comment