ในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของโซเชียลมีเดีย ซึ่งเทรนด์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ต่างก็ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนอาณาจักรดิจิทัล มีแพลตฟอร์มหนึ่งที่สามารถสลักชื่อลงในบันทึกประวัติศาสตร์เสมือนจริงได้ นั่นคือ Twitter สื่อไมโครบล็อกที่สั้นกระชับเพียง 280 ตัวอักษรได้เปลี่ยนวิธีที่เราสื่อสารกัน ทั้งเรื่องราวข่าวด่วน รวมถึงสนับสนุนการอภิปรายส่วนบุคคล และแม้แต่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองที่นับว่าทวิตเตอร์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนเรื่องราวทางการเมืองในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทยเราเองด้วย แต่เบื้องหลังความเรียบง่ายของทวีตและแฮชแท็กที่กว่าจะโดดเด่นเป็นกระแสจนถึงปัจจุบันนี้นั้น เรื่องราวกลับกลายเป็นเทพนิยายที่ซับซ้อนและน่าทึ่ง จนถ้าใครได้อ่านอาจบอกได้ว่ามันเหมือนกับว่าเป็นโศกนาฏกรรมกรีกยุคใหม่ ซึ่งกำกับโดยนิค บิลตันในหนังสือที่มีชื่อว่า "Hatching Twitter: A True Story of Money, Power, Friendship, and Betrayal"
กำเนิดการสร้างความกะทัดรัด มันเริ่มต้นขึ้นในปี 2006 หลังจากที่ Jack Dorsey นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความสนใจในเรื่องความกระชับ ความกระทัดรัด เขาจับจ้องไปที่แนวคิดในการบีบอัดความคิดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในยุคที่ถูกครอบงำด้วยบล็อกที่ยืดยาวมีรายละเอียดที่ยืดเยื้อรวมถึงเครือข่ายอีเมลที่กว้างขวาง ความหลงใหลในความเรียบง่ายของ Jack Dorsey ได้จุดประกายให้กำเนิด Twitter ด้วยจำนวนอักขระสูงสุดเพียง 140 ตัวในตอนนั้น ซึ่งเทียบเท่ากับความยาวของ SMS มาตรฐาน ผู้ใช้งานจะได้รับแจ้งให้กลั่นความคิดของตนเป็นประโยคเดียว และเป็นประโยคที่มีประสิทธิภาพก่อนที่จะถูกนำสู่ระบบโซเชียลมีเดีย ด้วยเหตุนี้ Twitter จึงถือกำเนิดขึ้น ซึ่งเป็นผืนผ้าใบเสมือนจริงที่ผู้ใช้สามารถระบายความคิด ความรู้สึก และข้อมูลเชิงลึกด้วยฝีแปรงที่กว้างและสั้น
หัวใจของการก่อตั้ง Twitter คือเพื่อนสี่คนที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ได้แก่ Jack Dorsey, Biz Stone, Evan Williams และ Noah Glass จากสี่เด็กเนิร์ดธรรมดา ๆ กลายมาเป็นหนึ่งร้อยบุคคลที่นิตยสารไทม์ยกย่อง ผู้ชายเหล่านี้เป็นมากกว่าผู้ร่วมก่อตั้ง พวกเขาเป็นผู้บุกเบิก นำทางภูมิประเทศดิจิทัลที่ไม่จดบนแผนที่ และสร้างสายสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามขอบเขตของมืออาชีพ โดย Evan William ซีอีโอของ Blogger ซึ่งนับเป็นเว็บไซต์บล็อกยอดนิยมในขณะนั้นนำประสบการณ์อันล้ำค่ามาให้ ในขณะที่อัจฉริยะด้านความคิดสร้างสรรค์อย่าง Biz Stone เป็นผู้ให้กำเนิดโลโก้รูปนกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Twitter และ Noah Glass ซึ่งมักถูกบดบังด้วยคนรอบข้าง ทำหน้าที่เป็นบุคคลสำคัญในยุคแรก ๆ ความหลงใหลและความกระตือรือร้นของเขาเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้กลุ่มรวมตัวกัน แต่เมื่อประสบความสำเร็จ ความแตกหักก็เริ่มปรากฏขึ้น Noah Glass พบว่าตัวเองคล้ายกับเป็นคนนอกในองค์กรที่เขาก่อขึ้น
From left: Biz, Jack, Evan, Noah. by nymag.com/intelligencer/
การทดลองและชัยชนะของนกสีฟ้า ด้วยการทวีตแต่ละครั้ง อิทธิพลของ Twitter ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ด้วยความท้าทายทางเทคนิคที่หลั่งไหลเข้ามา เซิร์ฟเวอร์ล่ม เวลาหยุดทำงาน และข้อผิดพลาดอื่น ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่แม้จะมีอาการเหล่านี้อยู่บ่อย ๆ ในช่วงแรก ๆ แต่ความสามารถพิเศษของ Twitter ในการอำนวยความสะดวกในการแบ่งปันข่าวแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อโลกผ่านตัวอย่างข้อมูล 140 ตัวอักษร ก็สามารถทำให้ Twitter ก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของโลกดิจิทัลได้
เมื่อผู้ใช้เพิ่มจำนวนขึ้นและสื่อเริ่มสังเกตเห็น Twitter ก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ทางแยก ผู้ร่วมก่อตั้งต้องต่อสู้กับความสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์และความเฉียบแหลมทางธุรกิจ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนบทบาทและความรับผิดชอบ Jack Dorsey ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง CEO ถูกแทนที่โดย Evan William ซึ่งเป็นการจุดชนวนการแย่งชิงอำนาจที่จะกำหนดทิศทางของบริษัทใหม่
ที่มาของชื่อทวิตเตอร์ Noah Glass พลิกหนังสือเป็นพัน ๆ หน้าเพื่อค้นหาคำที่เข้าท่า มีหลายคำที่เขาทดลองออกเสียงดูไม่ว่าจะเป็น “วอร์ชิพ” “ควิกลี” “เทรมเบิล” และก็เปิดหาคำอื่นต่อไปเรื่อย ๆ และโทรศัพท์ก็สั่นแจ้งเตือนอยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน เขานึกถึงการกระตุ้นของสมองที่ทำให้กล้ามเนื้อกระตุก “ทวิตช์” (twitch) แต่นั่นไม่เวิร์คเท่าไหร่ เขาจึงเริ่มเปิดพจนานุกรมในหมวด tw เรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็สะดุดไปที่คำหนึ่ง นั่งอ่านความหมาย ทดลองออกเสียงซ้ำ ๆ หลายรอบแล้ว “เสียงร้องจิ๊บ ๆ เบา ๆ ที่เกิดจากนกบางประเภท” นั่นแหละ “ทวิตเตอร์” แล้วรีบเขียนอีเมลสั้น ๆ ไปหาเอฟ หรือ Evan William “นายคิดว่าไงถ้าเราจะใช้ชื่อทวิตเตอร์เป็นชื่อโดเมน?”
"Hatching Twitter" เจาะลึกถึงหัวใจของเรื่องการหักหลังที่จะทำลายมิตรภาพ Noah Glass ซึ่งมีความกระตือรือร้นอย่างล้นหลามในช่วงแรก ๆ ถึงขั้นเป็นคนคิดไอเดียเรื่องชื่อกลับถูกทอดทิ้งไป บทบาทของเขาถูกผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่น ๆ ดูแคลน Jack Dorsey ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ก็ถูกขับออกจากบริษัทที่เขาถือกำเนิด การกระทำที่เหมือนเป็นการหักหลัง เมื่อการต่อสู้ทางกฎหมายและการเผชิญหน้ากันเปิดฉากขึ้น การเล่าเรื่องก็เปลี่ยนจากความสนิทสนมกันมาเป็นการแข่งขันกัน Noah Glass ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง และ Jack Dorsey ซึ่งในที่สุดก็ได้รับตำแหน่ง CEO กลับคืนมา ท่ามกลางความโกลาหล ความสำคัญของ Twitter นั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น มันกลายเป็นเวทีแห่งการเสริมอำนาจ พื้นที่ที่จุดประกายการปฏิวัติและการรำพึงรำพันในชีวิตประจำวันดังก้อง
Twitter UI screen by Claudio Schwarz
บทบาทของทวิตเตอร์ในหน้าประวัติศาสตร์การเมือง ในปี 2010 มะห์มูด อะห์มะดีเนจาด ประธานาธิบดีอิหร่านประกาศว่าเขาได้รับชัยชนะจากการได้รับเสียงลงมติส่วนใหญ่จากประชาชนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านในครั้งนั้น แต่ข้อกล่าวหาแพร่กระจายไปทั่วประเทศว่า มะห์มูด อะห์มะดีเนจาดโกงเลือกตั้ง หลังจากประกาศผลการเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่ายค้านของอิหร่านก็ใช้ทวิตเตอร์เพื่อส่งเสียงไม่เห็นชอบออกมา และผู้ประท้วงกลุ่มเล็ก ๆ ก็เริ่มรวมตัวกันบนถนน วันต่อมาเมื่อข้อมูลเผยแพร่บนทวิตเตอร์ ผู้ประท้วงก็เริ่มทวีคูณขึ้นในเมืองใหญ่ของอิหร่าน คลื่นฝูงชนสวมผ้าโพกหัวสีเขียวและโบกธงสีเขียวซึ่งแสดงถึงสีของพรรคฝ่ายค้านที่แพ้การเลือกตั้งเข้ายึดถนนเรียกร้องให้ตำรวจนับคะแนนใหม่
แม้ว่า มะห์มูด อะห์มะดีเนจาด จะเพิกเฉยต่อการชุมนุม แต่เขาก็ตัดการสื่อสารทางโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊กหรือทวิตเตอร์ รวมถึงรวบแบบการสื่อสารอื่น ๆ อีกมากมายดในประเทศเพื่อหวังจะปราบปรามผู้ชุมนุมไม่ให้มีการติดต่อสื่อสารกัน แต่ทว่าก็มีวัยรุ่นชาวอิหร่านที่เก่งเทคโนโลยีก็สามารถชิงข้อได้เปรียบนี้จากรัฐบาลเพื่อส่งต่อข้อมูลออกไปยังชาวโลกว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับอิหร่าน โดยใช้ทวิตเตอร์เป็นเครื่องมือหลัก เป็นเวลานานหลายเดือนที่รัฐบาลทั่วโลกเริ่มติดตามดูไซต์ ทำให้ในขณะนั้นทวิตเตอร์กลายเป็นสถานที่ที่ถูกเฝ้ามองจากทั่วทุกมุมโลก บรรดานักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง ผู้นำเผด็จการ ซีไอเอ เอฟบีไอ และกระทรวงการต่างประเทศ
การจู่โจมของ Mark Zuckerberg ต่อ Twitter มีเนื้อเรื่องที่ฝังอยู่ในเรื่องเล่าซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับความพยายามของ Mark Zuckerberg ในการซื้อกิจการ Twitter ซึ่ง Mark Zuckerberg ผู้ทะเยอทะยานตลอดกาลได้รับรู้ถึงศักยภาพของ Twitter และพยายามรวมเข้ากับอาณาจักรที่กำลังเติบโตของ Facebook อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการที่มีศักยภาพนี้กลายเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานที่ซับซ้อนซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างอำนาจ ความทะเยอทะยาน และการแข่งขัน การเข้าซื้อ Twitter ของ Zuckerberg พบกับการต่อต้านทั้งจากผู้ก่อตั้ง Twitter และสื่อต่าง ๆ เมื่อการเจรจาและอุบายต่าง ๆ เกิดขึ้นเบื้องหลัง การซื้อกิจการที่เสนอก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องเตือนใจเกี่ยวกับผลที่ตามมาจากอำนาจที่ไม่ถูกตรวจสอบและวิถีที่คาดเดาไม่ได้ของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
การเข้ากุมบังเหียนโดย อีลอน มัสก์ เรียกว่าเป็นมหากาพย์เลยก็ว่าได้จากการพยายามเข้าซื้อทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์ ซึ่งในปี 2023 นี้ อีลอน มัสก์ ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการของทวิตเตอร์ ด้วยมูลค่า 44,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 1.6 ล้านล้านบาท จากข้อมูลของนักลงทุนในบริษัท โดยก่อนการปิดดีลซื้อขายนี้นำไปสู่การปิดฉากมหากาพย์ที่ทวิตเตอร์ต้องตบเท้าขึ้นศาล เพื่อบังคับให้ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกบรรลุข้อตกลงในการซื้อขายกิจการที่เขาพยายามจะล้มดีลจากที่คุยไว้ก่อนหน้า โดยอีลอน มัสก์เองก็ได้ทวีตข้อความว่า ความสนใจในแพลตฟอร์มนี้ของเขาไม่ได้เกี่ยวกับการสร้างรายได้ ซึ่งหลังจากปิดดีลไม่นานก็มีการเปลี่ยนนู่นปรับนี้ไปเรื่อย ทำให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์มาตลอดรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่หลาย ๆ คนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดใจ งุนงง สนเท่ห์ ก็คือการเปลี่ยนชื่อและโลโก้ จาก “Twitter” สู่ “X” อย่างไร้ที่มาที่ไป ซึ่งนับว่านี่เป็นการถอดป้ายเดิมของทวิตเตอร์ออกไปอย่างสิ้นเชิง นำมาสู่คำถามว่าแนวทางในอนาคตของทวิตเตอร์จะเป็นอย่างไรต่อไป
Twitter logo (2014) and X logo (2023) จาก https://www.lifewire.com/history-of-twitter-3288854
ในโลกที่เราเลื่อนหน้าจอ รีทวีต และมีส่วนร่วมกับชุมชนทั่วโลกด้วยอักขระไม่เกิน 280 ตัว เป็นเรื่องง่ายที่จะลืมการเดินทางที่วกวนซึ่งทำให้ Twitter ถือกำเนิดขึ้น เรื่องราวที่ Nick Bilton เขียนเตือนเราว่านวัตกรรมมักเป็นสมรภูมิของอัตตาและความทะเยอทะยาน และความสำเร็จอาจมาพร้อมกับการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและการถูกหักหลัง ขณะที่เราสำรวจจัตุรัสกลางเมืองเสมือนจริงของ Twitter ต่อไป อย่าลืมความเป็นมนุษย์ที่ถักทอเป็นโครงสร้าง มิตรภาพที่ก่อตัวเป็นรากฐานและการแข่งขันที่หล่อหลอมวิวัฒนาการ เรื่องราวของเงิน อำนาจ มิตรภาพ และการหักหลังที่รวมอยู่ในเรื่องเล่าของ "Hatching Twitter" เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังของความคิดและความซับซ้อนของการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ ย้ำเตือนเราตลอดไปว่าทุกทวีตคือส่วนหนึ่งของเรื่องเล่าที่ยังคงอยู่ เขียนไว้
Reference
ประโยคและข้อความบางส่วนเพื่อประกอบบทความจากหนังสือชื่อ:
ฉบับภาษาอังกฤษ; Hatching Twitter: A True Story of Money, Power, Friendship, and Betrayal โดย Nick Bilton. (Published: November 5, 2013)
ฉบับภาษาไทย; Hatching Twitter: เขาหาว่าผมเป็นคนทรยศ แปลโดย อัญชลี ชัยชนะวิจิตร (Published: December, 2014)
0 Comment