สำหรับธุรกิจออนไลน์ทั้งหลายแล้ว การทำคลังเก็บสินค้าของตัวเองถือเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงปัญหาในการจัดเก็บ แพ็คสินค้า และการจัดส่ง ที่หากมีคนไม่เพียงพอแล้ว ก็ถือว่าเป็นงานที่หนักมากสำหรับธุรกิจออนไลน์เหล่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาของ Fulfillment ที่เป็นตัวช่วยจัดการกับสต๊อกสินค้าเจ้าปัญหาของเรา และช่วยทำให้งานของธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ นั้นง่ายยิ่งขึ้นกว่าเก่า มาทำความรู้จักมันกันเถอะ
อะไรคือ Fulfillment ตัวช่วยทางธุรกิจออนไลน์ที่ทำให้งานสมบูรณ์ขึ้น
Fulfillment คือ บริการคลังสินค้า เพื่อเก็บสินค้า แพ็กลงกล่อง ส่งพัสดุ ทำหน้าที่จัดการงานหลังบ้านแทนพ่อค้า หรือแม่ค้าออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็นบริการที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขายของออนไลน์โดยเฉพาะ โดยการขายของออนไลน์ในช่วงเริ่มต้นนั้น การจัดการงานหลังบ้านอาจไม่ได้เป็นปัญหาหลัก เนื่องจากในช่วงเริ่มต้น ร้านค้ามีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า และการทำ Marketing เป็นหลัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป แบรนด์มีการเติบโตมากขึ้น และมีปริมาณคำสั่งซื้อที่เยอะขึ้น จากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ปัญหาส่วนใหญ่ของแบรนด์ออนไลน์ที่มักจะพบเจอ ก็คือ
- แพ็คสินค้าผิด ขาด เกิน ผิดประเภท ส่งผลให้ต้องส่งสินค้าไปใหม่ จนทำให้เสียค่าส่งเพิ่มขึ้น
- แพ็คสินค้าไม่ทันภายในวันที่กำหนด ส่งผลให้คะแนนร้านค้าต่ำลง ได้รีวิวไม่ดีเท่าที่ควร
- สินค้าคงเหลือไม่ตรงตามยอด อาจเกิดจากการผิดพลาดจากการทำงาน
- สินค้า หรือสต๊อกสูญหาย โดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว
ซึ่งหลาย ๆ ร้านที่ประสบปัญหาการจัดการหลังบ้าน จัดการสต๊อก แพ็กสินค้า ไม่สะดวกนำพัสดุไปส่งเองเหล่านี้ จึงหันมาใช้บริการ Fulfillment เพื่อความสะดวกในการบริหารร้านออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากระบบ Fulfillment นั้นเปรียบเสมือนเป็นผู้ช่วยจัดการงานหลังบ้านให้กับธุรกิจทั้งหมด ทำให้ธุรกิจมีเวลาและทรัพยากรต่าง ๆ เหลือไปทำงานด้านอื่นมากยิ่งขึ้น
Fulfillment ทำงานอย่างไรบ้าง
บริการ Fulfillment โดยระบบจะมีหน้า Dashboard ให้ร้านค้าทราบปริมาณจำนวนสินค้าที่ขายไปแล้ว สต๊อกคงเหลือ จำนวนพัสดุที่นำส่งแล้ว รายงานผ่านระบบของคลังสินค้า การทำงานของระบบทำงานตามลำดับต่อไปนี้
1. การนำสินค้าเข้าระบบคลัง
ขั้นตอนแรกของ Fulfillment คือ การนำสินค้าเข้าระบบคลัง จัดสต๊อก และประเมินเงื่อนไขการดูแลของสินค้า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของจำนวน และคุณภาพของสินค้า สินค้าอาจถูกส่งมาจากคลังสินค้าของบริษัทเจ้าของแบรนด์ จากบริษัทโลจิสติกส์ภายนอก หรือจากบริษัทที่มีแหล่งที่มาจากภายในและนอกองค์กร การมีบาร์โค้ด หรือ SKU บนสินค้าก่อนที่จะนำสินค้าเข้าคลัง ช่วยให้การจัดเก็บเข้าระบบง่ายขึ้น และยังช่วยให้การค้นหาสินค้าง่ายขึ้นด้วย
2. การจัดเก็บสินค้าเข้าคลัง
ทันทีที่สินค้าเดินทางมาถึงคลังสินค้า สินค้าเหล่านี้อาจถูกส่งออกไปทันที หรืออาจถูกเก็บไว้ในคลัง ทั้งในระยะสั้นหรือระยะยาว แทนที่จะเก็บสินค้าล็อตใหม่เพื่อวางขายในอนาคต สินค้าจะยังถูกจัดเก็บในระยะยาว เพื่อการขายในรอบปัจจุบันอีกด้วย ดังนั้น การจัดเรียง แบ่งหมวดหมู่ดัชนี และการติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้า ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะถูกส่งออกไปทันทีอย่างไม่ล่าช้าเมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ทำให้เราควรเตรียมสินค้าให้พร้อมอยู่เสมอ
3. การรับออเดอร์คำสั่งซื้อ
ขั้นตอนต่อมาของ Fulfillment คือการหยิบสินค้าตามออเดอร์ การนำสินค้าไปใส่แพ็คให้เรียบร้อย และเมื่อสินค้าผ่านการตรวจสอบความเสียหาย สินค้าที่ได้รับการแพ็คจะถูกนำไปรวมกันเพื่อเตรียมจัดส่งออกไปจากคลัง การจัดการออเดอร์นี้มีขั้นตอนที่พิถีพิถัน และมีเอกสารข้อมูลของสินค้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ใบกำกับหีบห่อ เอกสารข้อมูลขนาดน้ำหนักของสินค้า เป็นต้น เพื่อแบ่งแยกการขนส่งตามความเร็วและค่าจัดส่ง
4. การส่งสินค้าออกจากคลัง
เมื่อสินค้าพร้อมแล้ว สินค้าจะถูกส่งต่อไปยังบริษัทขนส่งเพื่อทำการจัดส่งต่อไปลูกค้า บริษัทขนส่งจะเป็นผู้กำหนดวิธีการจัดส่งโดยพิจารณาจากน้ำหนัก ขนาดของสินค้า และข้อกำหนดเฉพาะของสินค้านั้น ๆ นอกจากนี้ บริษัทขนส่งส่วนใหญ่จะทำตามข้อกำหนดต่าง ๆ สำหรับบรรจุภัณฑ์ และคำนวณพื้นที่ที่ใช้ในการจัดส่งเพื่อทำกำไร เมื่อทุกอย่างพร้อม สินค้าจะถูกเปลี่ยนขึ้นสถานะเป็นถูกส่งออกแล้ว
5. การจัดการการเปลี่ยนและคืนสินค้า
เนื่องจากผู้ซื้อคาดหวังการเปลี่ยน และคืนสินค้าที่สะดวกรวดเร็ว ขั้นตอนสุดท้ายของ Fulfillment นี้จึงต้องเกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้าและลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อจัดการกับคำติชม การคืนสินค้า และการเปลี่ยนสินค้า อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนนี้ต้องมีการตรวจคุณภาพสินค้าอย่างเข้มงวด เพราะการเปลี่ยนคืนสินค้า เป็นการนำสินค้ากลับไปยังคลังใหม่หากสินค้าไม่มีตำหนิหรือชำรุด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพของสินค้า สินค้าอาจถูกนำเข้ากลับสต๊อก (Restock) ถูกรีไซเคิล หรือถูกส่งคืนไปยังผู้ผลิตเพื่อรับเงินคืนได้
ข้อดีของ Fulfillment กับร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ
การที่ธุรกิจออนไลน์เติบโต หรือร้านค้าออฟไลน์ที่ต้องการเพิ่มช่องทางการขาย มียอดขายเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายถึงผู้ขายจำเป็นต้องสต๊อกสินค้าเพิ่มขึ้นตามยอดขาย รวมถึงมีออเดอร์ที่ต้องแพ็คและส่งมากขึ้น ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีในการทำธุรกิจขายของออนไลน์
แต่ก็มีปัญหาที่ตามมาเช่นกัน นั่นก็คือกระบวนการหลังบ้านต่าง ๆ ที่อาจจะยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้น บริการ Fulfillment หรือบริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง จึงเป็นตัวช่วยที่สมบูรณ์แบบ ในการทำให้ประสิทธิภาพในการทำธุรกิจออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และในปัจจุบันดูเหมือนว่าการเลือกใช้บริการ Fulfillment จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจว่าจะใช้บริการดีหรือไม่ มาดูถึงข้อดีที่เห็นได้ชัดของบริการนี้กัน
- ประหยัดเวลา
บริการ Fulfillment เป็นอีกทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง ที่จะช่วยลดขั้นตอน และเพิ่มเวลาให้กับร้านค้าออนไลน์ เมื่อได้แบ่งงานในส่วนของการเก็บ แพ็ค ส่ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และมีรายละเอียดออกไปให้บริษัทที่เชี่ยวชาญช่วยดูแล ก็ทำให้สามารถโฟกัสแค่การขายและการตลาด มองตำแหน่งการค้าได้มากขึ้น ทำให้มีเวลาไปพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้ธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืนได้
- ลดปัญหาเรื่องคนหรือพนักงาน
เมื่อมีออเดอร์เยอะ การจะแพ็คสินค้า เเละส่งให้ได้รวดเร็วตามความต้องการของลูกค้านั้น ก็ต้องมีพนักงาน และอย่างที่ทราบกันดีว่าเรื่องคนเป็นเรื่องที่ปวดหัวที่สุด และอาจมีปัญหาอื่น ๆ ตามมา ดังนั้นการจ้าง Outsource ดูแล อาจเป็นเรื่องที่ดีกว่า
- รองรับรายการสั่งซื้อได้มากขึ้น
เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโตขึ้น มีรายการสั่งซื้อมากขึ้น เมื่อใช้บริการ Fulfillment ก็จะมีพื้นที่สต๊อกสินค้ามากขึ้นตามใจผู้ขาย ทำให้สามารถรับรายการสั่งซื้อจากลูกค้าได้มากกว่าเดิม หมดปัญหาต้องทยอยรับออเดอร์ หรือทยอยส่งสินค้าทีละน้อยเป็นรอบ ๆ ด้วยระบบคลังสินค้าออนไลน์ที่จัดการทุกอย่างให้อย่างครบครัน และสำเร็จแบบวันต่อวัน
- มีการทำงานที่เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพผ่านอินเทอร์เน็ต
ระบบ Fulfillment จะมีเทคโนโลยีที่ประสานระบบงานทุกส่วนเข้าด้วยกัน เจ้าของธุรกิจสามารถติดตาม จัดการ และตรวจสอบขั้นตอนการทำงานตั้งแต่เก็บ แพ็ค ส่งผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้แบบเรียลไทม์ บริการ Fulfillment จึงเหมาะสำหรับผู้ขายของออนไลน์ ที่ไม่มีพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการสต๊อกหรือเก็บสินค้า หรือมีกำลังไม่มากพอจะมีคลังสินค้าของตัวเอง นอกจากนั้น ยังมีเจ้าของธุรกิจออนไลน์หลายรายเลือกใช้บริการนี้เพราะความสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดหาพื้นที่เก็บสินค้า การจ้างพนักงานในการแพ็ค และส่งนั่นเอง
สรุป
หากกล่าวโดยสรุปแล้ว E-Fulfillment หรือ Fulfillment คือ คลังสินค้าออนไลน์ เป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าที่พร้อมจัดส่งสินค้า ที่ได้รับฝากมาจากธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ ตั้งแต่การรับสินค้าเข้าในระบบคลัง จัดการสต๊อกสินค้า จัดเก็บสินค้าในที่ที่เหมาะสม และมีระบบดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงจัดการแพ็คสินค้าได้ถูกต้อง และจัดส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
และหากใครที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ Fulfillment แต่ยังมองหาบริษัทดิจิทัลโซลูชั่นมาช่วยวางระบบอยู่ล่ะก็ Hocco ของเราพร้อมที่จะให้บริการ ด้วยประสบการณ์การทำงานทั้งหมดที่เรามีในธุรกิจหลากหลายประเภท เราพร้อมที่จะสร้างสรรค์ และเลือกเฟ้นวิธีการแก้ปัญหาอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ได้วิธีการที่เหมาะสมที่สุด และสามารถตอบโจทย์ตามเป้าหมายทางธุรกิจของคุณได้อย่างครบถ้วน มั่นใจได้เลยว่า คุณจะต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
อ้างอิง
https://mycloudfulfillment.com/en/fulfillment/
https://www.oberlo.com/ecommerce-wiki/fulfillment
0 Comment