JavaScript คือ ภาษาสคริปต์ทางคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีนักพัฒนาโปรแกรมคนไหนไม่รู้จัก จึงเป็นหนึ่งในภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยใช้สำหรับการสร้างเว็บไซต์และการออกแบบแอปพลิเคชัน เพื่อให้ทุกคนรู้จักภาษา JavaScript มากยิ่งขึ้น ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จัก Javascript คืออะไร ใช้ทำอะไรบ้าง ถ้าพร้อมกันแล้ว ตามไปดูกันเลยครับ
Javascript คืออะไร
Javascript หรือ จาวาสคริปต์ คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ที่นักพัฒนาใช้ในการพัฒนาเว็บเพจร่วมกับ HTML ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดย Javascript ที่จะทำให้หน้าเว็บไซต์ของเรามีความเคลื่อนไหว อาจจะใช้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ผู้ใช้งานกรอก หรือใช้เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบนหน้าเว็บไซต์ และเพิ่มลูกเล่นให้เว็บไซต์สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้มากขึ้น
JavaScript เริ่มพัฒนาโดย Brender Eich พนักงานบริษัท เน็ตสเคป เดิม JavaScript ใช้ชื่อว่า Mocha และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Live Script และในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) ได้ปรับปรุงแล้วตั้งชื่อใหม่ว่า JavaScript จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีหลักการเขียนที่เข้าใจง่ายและใช้งานได้บนหลายระบบปฏิบัติการ ซึ่งรูปแบบการเขียนภาษาของ Javascript ก็จะคล้ายคลึงกับการเขียนภาษา C
จากเดิมที่ JavaScript ถูกใช้แค่ในการทำเว็บไซต์เพื่อสร้างความ Interactive ให้กับ HTML/CSS ก็ถูกขยายขอบเขตการใช้งานไปสู่โลกของการพัฒนาแอปพลิเคชัน, Back-End Development หรือแม้แต่ในเรื่องของ Machine Learning จนได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน
และเมื่อไม่นานมานี้ ความนิยมของ JavaScript ได้ขยายออกไปเพิ่มอีก โดยผ่านแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Node.js ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก Node.js คือ JavaScript Runtime ที่ใช้งานได้บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย โดย Node.js ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ Chrome's V8 JavaScript Engine ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้ JavaScript เป็นภาษาสคริปต์เพื่อ Automate สิ่งต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์และสร้างเซิร์ฟเวอร์ HTTP และ Web Sockets ที่ทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเอง
TypeScript คืออะไร ?
TypeScript คือภาษาที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก JavaScript โดย Microsoft ซึ่งเพิ่มความสามารถในการ “ระบุชนิดข้อมูล (Type)” ให้กับตัวแปรและฟังก์ชัน ทำให้เขียนโค้ดได้ปลอดภัยและมีความแม่นยำมากขึ้น ขณะที่ JavaScript ไม่ตรวจสอบชนิดข้อมูล ทำให้เกิดบั๊กจากการใช้ค่าผิดประเภทได้ง่าย โดยตัว TypeScript เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ดี โดยเฉพาะในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เขียนโค้ดแบบเป็นระบบมากขึ้น เช่น การใช้งาน Interface, Enum, Class, และการตรวจสอบข้อผิดพลาดตั้งแต่ยังไม่รันโปรแกรม
อย่างไรก็ตาม TypeScript ต้องถูกแปลง (compile) ให้เป็น JavaScript ก่อนถึงจะใช้งานในเว็บได้ ซึ่งแม้จะเพิ่มขั้นตอนเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่ามากสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการความเสถียรและดูแลในระยะยาว
กลไกการทำงานของ Javascript
JavaScript ทำงานโดยผ่านสิ่งที่เรียกว่า "JavaScript Engine" ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่แปลงโค้ด JavaScript ให้เป็นภาษาระดับต่ำที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ โดยตัวอย่าง Engine ที่รู้จักกันดีก็คือ
● V8 Engine (Google Chrome และ Node.js ใช้)
● SpiderMonkey (Mozilla Firefox ใช้)
ซึ่งกลไกการทำงานของ JavaScript คือ มีลักษณะเฉพาะตัวที่ช่วยให้ภาษานี้เหมาะกับการพัฒนาเว็บไซต์ที่ต้องการความรวดเร็วและมีการตอบสนองต่อผู้ใช้งานได้ดี
เฉพาะฉะนั้น JavaScript จึงทำงานแบบ Single-Threaded ที่ดำเนินการตามคำสั่งอย่างเป็นลำดับขั้นจากบนลงล่าง โดยไม่ข้ามไปทำคำสั่งอื่นจนกว่าคำสั่งปัจจุบันจะเสร็จ แต่ก็สามารถทำงานแบบ Asynchronous ที่ใช้ในการจัดการคำสั่งที่ใช้เวลานาน เช่น การทำงานกับ API, การโหลดข้อมูล, หรือการตั้งเวลาหน่วงผ่านฟังก์ชันอย่าง setTimeout หรือ fetch ได้ หรือทำงานผ่านกลไกอื่นได้ เช่น Event Loop, Promises, และ Async/Await นอกจากนี้ JavaScript ยังทำงานแบบ Event-Driven ซึ่งทำให้มันเหมาะสมสำหรับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่มีการโต้ตอบสูง เช่น การคลิกเมาส์ การกดปุ่ม การกรอกข้อมูลในฟอร์ม เป็นต้น
Javascript ทำอะไรได้บ้าง ?
JavaScript คือ ภาษาโปรแกรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเป็นภาษาหลักในการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนเว็บ จึงถูกนำไปใช้งานหลัก ๆ ดังนี้
1. พัฒนาเว็บไซต์
JavaScript เป็นภาษาที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ทั้งในระบบหน้าบ้านหรือ (Front End หรือส่วนของผู้เข้าชมเว็บไซต์) และระบบหลังบ้าน (Back End หรือส่วนเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ) โดย JavaScript สามารถใช้ในการสร้างฝั่ง Front-End ซึ่งโครงสร้างของ Front End ที่นิยมใช้ในปัจจุบันก็จะเป็น React, Angular, Vue.js หรือ jQuery เป็นต้น โดยเน้นเว็บที่ต้องการเพิ่มการตอบสนองหรือมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใช้งานและเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการสร้าง Animation หรือลูกเล่นต่าง ๆ กับโครงสร้างของเว็บไซต์
2. การพัฒนาแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อป
ร่วมกับ HTML และ CSS สามารถใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อปแพลตฟอร์มได้ด้วย Electron, NW.js หรือ Tauri ทำให้คุณสามารถสร้างแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อปที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพได้
3. พัฒนาเกม
JavaScript มักใช้สำหรับการพัฒนาเกมที่ใช้เว็บเบราว์เซอร์โดยใช้ HTML5 canvas และ WebGL โดยใช้เอนจินการพัฒนาเกม เช่น Phaser และ Three.js ช่วยให้ง่ายต่อการสร้างเกม
4. พัฒนาด้านเซิร์ฟเวอร์
JavaScript นิยมใช้ในการพัฒนาด้านเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างของ Back-End โดยส่วนใหญ่นิยมใช้ Node.js ในการทำ ซึ่งเป็นโครงสร้างภาษาที่นำไปพัฒนาได้ง่าย และมีคำสั่งที่ครบเหมาะสมแล้วนั่นเอง
5. พัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ
JavaScript มี Framework ที่เปรียบเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกบ้านต้องมี ตัวช่วยทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ตัวอย่าง Framework ของ JavaScript คือ React, React Native, Angular และ Vue ที่ช่วยให้โค้ดเดียวกันสามารถนำไปพัฒนาได้ในหลายแพลตฟอร์ม ทำให้เราสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือได้ทั้ง iOs และ Android ไปพร้อมกัน
ข้อดีของ Javascript
ข้อดีของ JavaScript มีหลายด้าน ทั้งในแง่ของการพัฒนาเว็บและการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ดังนี้
1. ทำงานฝั่งผู้ใช้ (Client-Side) ได้รวดเร็ว JavaScript ทำงานบนเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ ทำให้สามารถประมวลผลบางอย่างได้ทันที โดยไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ ช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนอง เช่น การตรวจสอบฟอร์ม
2. เรียนรู้ง่าย และมีโครงสร้างไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีโครงสร้างคล้ายภาษาอื่น ๆ อย่าง C หรือ Java บวกกับมีแหล่งเรียนรู้และตัวอย่างมากมายบนอินเทอร์เน็ต
3. ทำงานร่วมกับ HTML/CSS ได้ดี JavaScript ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับ HTML และ CSS จึงสามารถใช้ปรับเปลี่ยน UI แบบไดนามิก เช่น เปลี่ยนข้อความ สี ขนาด และโต้ตอบกับผู้ใช้
4. สามารถสร้างเว็บแอปพลิเคชันแบบ Interactive ได้ เช่น การลากวาง (drag and drop), การโหลดข้อมูลแบบไม่ต้องรีเฟรชหน้า (AJAX), การสร้าง animation หรือ interactive charts
5. มีไลบรารีและเฟรมเวิร์กให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น React.js ,Vue.js ,Node.js
6. ทำงานได้ทั้งฝั่ง Frontend และ Backend เมื่อใช้ร่วมกับ Node.js นักพัฒนาสามารถใช้ JavaScript ได้ทั้งฝั่ง client และ server ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการโปรเจกต์
7. มีชุมชนขนาดใหญ่ และแหล่งความรู้เยอะ ทำให้หาคำตอบได้ง่าย มีปลั๊กอิน, แพ็กเกจ และเครื่องมือเสริมให้เลือกใช้จำนวนมาก
8. รันได้บนทุกแพลตฟอร์ม ทุกเว็บเบราว์เซอร์สมัยใหม่รองรับ JavaScript โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเติม
ข้อจำกัดของ JavaScript
1. ไม่ปลอดภัยเท่าภาษาฝั่งเซิร์ฟเวอร์ JavaScript รันอยู่ฝั่ง ผู้ใช้ (Client-side) ซึ่งหมายความว่า โค้ดสามารถถูกมองเห็น แก้ไข หรือดัดแปลงได้ง่าย ผ่าน Developer Tools ในเบราว์เซอร์ จึงไม่ควรใช้จัดการข้อมูลสำคัญ เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ หรือการเชื่อมต่อฐานข้อมูลโดยตรง
2. ปัญหาความเข้ากันของเบราว์เซอร์ (Browser Compatibility) แม้ JavaScript สมัยใหม่จะรองรับโดยเบราว์เซอร์หลัก ๆ แล้ว แต่ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังใช้ไม่ได้ในเบราว์เซอร์รุ่นเก่า ทำให้ต้องเขียนโค้ดให้รองรับหลายกรณี หรือใช้ polyfill เพิ่มเติม
3. ข้อจำกัดด้านความเร็ว (ในบางกรณี) แม้จะเร็วเมื่อเทียบกับการประมวลผลฝั่งเซิร์ฟเวอร์ แต่ JavaScript ยังไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้การคำนวณหนัก ๆ เช่น machine learning หรือการประมวลผลกราฟิกระดับสูง
4. Debug ยากเมื่อโปรเจกต์ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะถ้าไม่มีการจัดโครงสร้างหรือใช้ Framework ที่ดี โค้ด JavaScript อาจกลายเป็น spaghetti code และทำให้แก้ไขหรือตรวจหาบั๊กได้ยาก
7. การจัดการหน่วยความจำ (Memory Management) แม้ JavaScript จะมี garbage collector แต่ ยังควบคุมหน่วยความจำได้น้อยเมื่อเทียบกับภาษาอื่น และหากเขียนโค้ดไม่ดี อาจเกิด memory leak ได้
5 โปรแกรมแนะนำสำหรับการเขียน JavaScript สำหรับมือใหม่
1. Visual Studio Code (VS Code) – อันดับ 1 สำหรับมือใหม่
โปรแกรมฟรี ใช้งานง่าย รองรับ JavaScript เต็มรูปแบบ มีระบบช่วยเติมโค้ด (Auto-complete), ตรวจบั๊ก และเสริมด้วย Extensions ต่าง ๆ เช่น Live Server, ESLint และ Prettier ที่ช่วยให้เขียนโค้ดสะอาดและถูกต้อง เหมาะมากสำหรับผู้เริ่มต้นและพัฒนาไปจนถึงระดับโปรได้เลย
2. CodePen – เขียนและรันบนเว็บทันที
เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่อยากติดตั้งโปรแกรม ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ได้เลย เขียน JavaScript พร้อม HTML และ CSS แล้วดูผลลัพธ์ได้แบบเรียลไทม์ เหมาะกับการฝึกเล่นโค้ด ทดสอบไอเดีย หรือทำโปรเจกต์เล็ก ๆ
3. JSFiddle
อีกหนึ่งเว็บยอดนิยมสำหรับทดสอบ JavaScript รวดเร็ว ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม ใช้งานง่ายและแบ่งปันโค้ดให้เพื่อนได้ เหมาะกับการทดลองฟีเจอร์ใหม่ ๆ หรือเรียนรู้ JavaScript แบบเร็ว ๆ
4. Replit
เว็บสำหรับเขียนโค้ดหลายภาษา รวมถึง JavaScript สามารถสร้างโปรเจกต์ ฝึกทำแอป และบันทึกโค้ดไว้ในบัญชีของเรา ใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ มีระบบช่วยตรวจโค้ด และรองรับการทำงานร่วมกับเพื่อนได้ด้วย
5. Sublime Text
โปรแกรมขนาดเล็ก เร็ว และใช้งานง่าย เหมาะกับคนที่อยากเริ่มเขียนโค้ดโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรเยอะ มี Plugin เสริมสำหรับ JavaScript เช่น AutoComplete และ Color Highlight
สรุป
JavaScript คือภาษาสคริปต์ทางคอมพิวเตอร์ที่เป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีโครงสร้างภาษาที่เข้าใจได้ง่าย สามารถเรียนรู้ได้แม้ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บไซต์ เว็บแอปพลิเคชัน เว็บเพจทั่วไป หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ
จะเห็นได้ว่ารู้แค่เพียง JavaScript ภาษาเดียวก็สามารถพัฒนาอะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว แต่เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียด้วย เช่นการทำเกมที่ใช้กราฟิกหนัก ๆ ก็คงจะไม่เหมาะ หรือการทำแอปพลิเคชันบนมือถือ เฟรมเวิร์คพวกนี้ก็ไม่สามารถเข้าถึง API ของตัว OS ได้ทุกตัว ดังนั้น การใช้เครื่องมืออื่นที่ไม่ใช่ JavaScript ก็อาจจะเหมาะสมกว่า แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่า JavaScript สามารถใช้ทำอะไรได้บ้างนั่นเอง
หากคุณไม่ถนัดการเขียนโค้ดโปรแกรมด้วย JavaScript เพื่อมาพัฒนาเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ Hocco พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ พร้อมให้บริการคุณ โดยเรามีบริการหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รับรับทำเว็บไซต์ และพัฒนาแอปพลิเคชัน เว็บไซต์และระบบหลังบ้านโดยเฉพาะ รวมทั้งยังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจธุรกิจ ตลอดจนการวางแผน ออกแบบ และปรับแต่งเว็บไซต์ หน้าเพจให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ พร้อมทั้งทีมงาน Support ที่จะช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้สามารถทำยอดขายและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ E-mail : hello@hocco.co หรือโทร. 064-6166426, 084-7332417
คำถามที่พบบ่อย
1. JavaScript เปิดในโทรศัพท์เปิดยังไง ใน Safari (iOS)?
ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) บน iPhone หรือ iPad > เลื่อนลงแล้วแตะ Safari > เลือกเมนู ขั้นสูง (Advanced) > จากนั้นเปิดสวิตช์ JavaScript ให้เป็นสีเขียว เพียงเท่านี้ก็เปิดใช้งาน JavaScript ได้แล้ว
0 Comment