10 ขั้นตอน สร้างแอพพลิเคชั่น ฉบับเข้าใจง่าย พร้อมแนะนำ Tools

เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน แอปพลิเคชัน (Application) จึงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราที่เลี่ยงการใช้ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น การทำงาน การเรียน การสื่อสาร หรือการค้นหาความบันเทิง แอปพลิเคชันเหล่านี้ล้วนช่วยทำให้ชีวิตสะดวก สบาย และง่ายมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีสร้างแอปพลิเคชันอย่างง่าย ๆ ให้เข้าใจกัน พร้อมแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างแอปพลิเคชันได้สะดวกขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูได้เลยที่บทความนี้

สร้างแอปพลิเคชัน

(Application) หรือที่ทุกคนเรียกกันสั้น ๆ ว่า แอป (App) ก็คือ กระบวนการพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ที่ออกแบบมาสำหรับ Mobile (โมบาย), Teblet (แท็บเล็ต) หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่เรารู้จักกันดี ในแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีผู้พัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมามากมายเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือธุรกิจนั้น ๆ ซึ่งจะมีให้ดาวน์โหลดทั้งแบบฟรีและเสียเงิน แอปพลิเคชันมีหลากหลายหมวดหมู่ทั้งในด้านการศึกษา ด้านการสื่อสารหรือแม้แต่ด้านความบันเทิง

แอปพลิเคชันสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก

 1. Desktop Application : แอปพลิเคชันที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC)

 2. Mobile Application : แอปพลิเคชันที่ทำงานบนโทรศัพท์มือถือ

 3. Web Application : แอปพลิเคชันที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์

การที่ธุรกิจของคุณมีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเองนั้นมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

 1. เพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า

ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

 2. สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้

แอปพลิเคชันที่ออกแบบมาอย่างดีจะช่วยให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว และเพิ่มความพึงพอใจมากขึ้น

 3. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

การมีแอปพลิเคชันแสดงถึงความทันสมัยและความเป็นมืออาชีพของธุรกิจ

 4. เก็บข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า

ช่วยให้คุณเก็บข้อมูล พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์และพัฒนาธุรกิจต่อไปได้

10 ขั้นตอน สร้างแอปพลิเคชันสำหรับมือใหม่

10 วิธีสร้างแอปพลิเคชัน ที่สำคัญมีดังนี้

1. กำหนดแนวคิดและเป้าหมาย (Define Idea and Goals)

ขั้นตอนแรกของการสร้างแอปพลิเคชันเป็นการกำหนดเป้าหมายและทิศทางของแอปพลิเคชัน ทีมพัฒนาจะต้องทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ว่าจะพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมาเพื่ออะไร กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร ตรวจสอบว่ามีแอปที่คล้ายกันอยู่หรือไม่ และศึกษาจุดเด่น-จุดด้อยของแอปเหล่านั้น เพื่อนำมาพัฒนาต่อ

2. วิเคราะห์และวางแผน (Analysis and Planing)

ต่อมาคือการวิเคราะห์และวางแผนโครงการอย่างละเอียด โดยจะกำหนดขอบเขต ขั้นตอน และกรอบเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชัน รวมถึงการระบุทรัพยากรที่จำเป็นต่อโปรเจกต์ อย่างบุคลากร งบประมาณ เครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ต้องใช้ การวิเคราะห์แผนการตลาดที่เหมาะสม จะช่วยให้แอปพลิเคชันของเราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและประสบความสำเร็จในตลาดได้

3. ออกแบบ UX/UI (Design UX/UI)

การออกแบบแอปพลิเคชันจะต้องมี UX (User Experience) ที่ทำให้แอปพลิเคชันใช้งานได้ง่ายอย่างต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ และมีประสิทธิภาพภายใต้ UI (User Interface) ที่ออกแบบหน้าตาให้สวยงามและสอดคล้องกับแบรนด์

4. เลือกแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี (Choose Platform and Technology)

ขั้นตอนถัดมาคือการเลือกแพลตฟอร์มในการสร้างแอปพลิเคชัน แอปสำหรับ iOS, Android หรือทั้งสอง (Native/Hybrid) และเลือกภาษาการเขียนโปรแกรมและเฟรมเวิร์ก เช่น Flutter, React Native เป็นต้น

5. พัฒนาแอปพลิเคชัน (Develop the Application)

การสร้างแอปพลิเคชัน คือ การเขียนโค้ด (Coding) ขึ้นมาตามข้อกำหนด และแผนงานที่ได้วางไว้ โดยนักพัฒนาอาจใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ในการเขียนโค้ดที่แตกต่างกันออกไป การเขียนโค้ดนับเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของกระบวนการพัฒนาแอปพลิเคชันเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นขั้นตอนที่แปลงความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบและความต้องการของผู้ใช้ให้กลายเป็นฟังก์ชันที่ทำงานได้จริง

6. ทดสอบแอปพลิเคชัน (Test the Application)

การทดสอบแอปอย่างละเอียดก่อนปล่อยออกไป เป็นขั้นตอนที่เราจะละเลยไปไม่ได้เลยในกระบวนการสร้างแอปพลิเคชัน เพราะช่วยให้เราแน่ใจได้ว่าแอปจะทำงานได้อย่างที่ผู้ใช้ต้องการ การทดสอบจะช่วยให้เราระบุปัญหาและข้อบกพร่องก่อนที่จะเปิดตัวแอป เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ทีมพัฒนามีข้อมูลในการปรับปรุงแอปให้ดียิ่งขึ้นต่อไปอีกด้วย

7. ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimize and Refine)

หลังจากทดสอบแอป ทำให้เรารู้ว่าต้องปรับแต่งแอปอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ลดเวลาการโหลด และช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ว่าแอปทำงานได้อย่างราบรื่นบนอุปกรณ์หลากหลายประเภทหรือไม่

8. เผยแพร่แอปพลิเคชัน (Launch the Application)

เมื่อผ่านการทดสอบและปรับปรุงแอปพลิเคชันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมการอัปโหลดแอปไปยัง App Store หรือ Google Play Store และอย่าลืมที่จะตรวจสอบนโยบายและข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม เพื่อเผยแพร่ และอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้

9. โปรโมตและการตลาด (Market the Application)

ควรมีกลยุทธ์การตลาดในการสร้างการรับรู้ พร้อมโปรโมทให้แอปเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการได้อย่างแท้จริง เช่น การโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย การจัดกิจกรรมแจกของรางวัลให้กับผู้ดาวน์โหลด และอื่นๆ

10. ติดตามผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (Monitor and Improve)

การติดตาม และวัดผลจะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันให้ดีขึ้นได้ และช่วยให้สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและแก้ไขได้ทันท่วงที ขั้นตอนนี้ยังช่วยให้แอปพลิเคชันมีความน่าเชื่อถือและมีคุณภาพสูง โดยควรทำขั้นตอนนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่ออัปเดตเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น

การสร้างแอปพลิเคชันประกอบด้วยหลากหลายขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ พัฒนา ทดสอบ และเผยแพร่ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเวลาในการดำเนินการ ดังนั้น หลายธุรกิจจึงหันมาใช้บริการสร้างแอปพลิเคชันกับผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือแทน เพราะช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่า ถ้าหากคุณต้องการสร้างแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์การใช้งานให้ Hocco ของเราช่วยออกแบบ สร้าง และพัฒนาแอปพลิเคชันให้ตรงตามความต้องการของคุณ เรามีทีมงานคอย Support ที่พร้อมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

แนะนำเครื่องมือ (Tools) สำหรับสร้างแอปพลิเคชัน

เครื่องมือสำหรับใช้ในการสร้างแอปพลิเคชัน ที่ได้รับความนิยมมีดังนี้

 1. Flutter

เป็นโปรแกรมที่มีระบบ Hot Reload เมื่อมีการทดสอบ, การสร้าง หรือการกระทำต่าง ๆ กับ UI จะต้องมีการ Reload ทุกครั้ง เพื่อให้หน้า UI ทำการ Update ซึ่งระบบ Hot Reload นั้นจะเข้ามาช่วยในเรื่องของการ Reload โดยที่จุดเด่นของระบบนี้คือ การใช้ระยะเวลาในการ Reload น้อยลงให้เหลือเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น และทำให้การพัฒนา UI ของ Application ให้มีความรวดเร็วมากขึ้น

 2 React Native

เครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างแอปมือถือด้วย JavaScript ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปที่ทำงานได้ทั้งบน iOS และ Android จากฐานโค้ดเดียวกัน จึงทำให้นักพัฒนาที่มีความรู้ ความคุ้นเคยกับ Javascript, CSS Syntax สามารถที่จะทำความเข้าใจ และใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ได้ไม่ยาก

 3. App Inventor

เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างแอปมือถือโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมาก่อน ด้วยการใช้งานที่ง่ายและสะดวกผ่านเบราว์เซอร์ ผู้ใช้สามารถออกแบบและสร้างแอปได้ด้วยตัวเอง ทำให้การเรียนรู้และการพัฒนาแอปเป็นเรื่องที่สนุกและเข้าถึงได้ง่าย

 4. Thunkable

เหมาะกับผู้ที่มองหาเส้นทางที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือข้ามแพลตฟอร์มโดยไม่ต้องเจาะลึกเรื่องโค้ด การสร้างแอปพลิเคชันด้วย Thunkable ช่วยให้นักพัฒนาสามารถออกแบบแอปสำหรับทั้ง iOS และ Android โดยใช้โปรเจ็กต์เดียว ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบุคคลหรือทีมที่มีทรัพยากรจำกัด ด้วยอินเทอร์เฟซ drag-and-drop จึงทำให้กระบวนการพัฒนาแอปง่ายขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้ที่มีพื้นฐานทางเทคนิคหลากหลาย ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าที่ต้องการสร้างต้นแบบแนวคิดของตนอย่างรวดเร็ว

สร้างแอปพลิเคชันโดยผู้เชี่ยวชาญที่ตอบทุกโจทย์การใช้งานกับ Hocco

การสร้างแอปพลิเคชัน (Application) คือกระบวนการสร้างแอปพลิเคชัน ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้กับความชำนาญหลายด้าน ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ วิเคราะห์ความต้องการผู้ใช้ ออกแบบ UI/UX การเขียนโค้ดการทดสอบแอป ตลอดจนเริ่มเผยแพร่แอปพลิเคชัน และให้บริการสนับสนุน เพื่อรับ feedback มาอัปเดตปรับปรุงแอปพลิเคชันต่อไป

หาคุณสนใจการสร้างแอปพลิเคชันสำหรับธุรกิจของคุณ Hocco ของเราเป็นบริษัทที่รับทำเว็บไซต์ ออกแบบ พัฒนาแอปพลิเคชัน และระบบหลังบ้านโดยเฉพาะ รวมทั้งยังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์และทำความเข้าใจธุรกิจ ตลอดจนการวางแผน ออกแบบ และปรับแต่งเว็บไซต์ หน้าเพจให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ พร้อมทั้งทีมงาน Support ที่จะช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้สามารถทำยอดขายและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ E-mail : hello@hocco.co หรือโทร. 064-6166426, 084-7332417