×

START A PROJECT

We are here to build a high-quality extension for brands to serve your consumers.

    By Noppadon Wisuttikun - 06 พฤษภาคม 2021

    กราฟฟิค 3D กับการออกแบบเว็บไซต์ แอพ และสื่อของแบรนด์คุณให้โดดเด่นกว่าใคร


    Yummy 3D by Mamu ivaniadze

    หากย้อนกลับไปในช่วงที่มีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 8 ถือว่าเป็นช่วงแรก ๆ ที่ทำให้เราเริ่มรู้จักกับคำว่า Flat Design และหลังจากนั้นไม่นาน ระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มือถืออย่าง iOS7 ก็เปิดตัวตามหลังมาด้วยแนวทางการออกแบบเดียวกัน และทำให้การออกแบบสไตล์นี้ได้รับความนิยมอย่างมาก จนกลายมาเป็นมาตรฐานของงานออกแบบกราฟฟิคหลายแขนงถึงทุกวันนี้


    การออกแบบหน้าจอแบบ Flat Design ของระบบปฏิบัติการ Windows8 และ iOS7

    แต่เมื่อมองดูดี ๆ แล้วโจทย์ของงานกราฟฟิคหลาย ๆ อย่างนั้นจำเป็นต้องสร้างความสะดุดตา ดึงดูดความสนใจ และทำให้คนที่ได้รับชมจดจำเนื้อหาในชิ้นงานได้ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะทำแบบนั้นได้ก็มาจากการสร้างความแตกต่างด้วยอะไรที่มันสวนทางกับความราบเรียบ และอาจจะไม่ค่อยมีมิติของ Flat Design ด้วยองค์ประกอบที่เป็น 3D นั่นเอง

    ข้อดีของการใช้องค์ประกอบแบบ 3D

    การใช้องค์ประกอบแบบ 3D ในการออบแบบแอพ เว็บไซต์ หรืองานกราฟฟิคอื่น ๆ ค่อย ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น และเป็นสิ่งที่ช่วยให้งานออกแบบมีข้อได้เปรียบจากงานทั่วไปอยู่ มีอะไรบ้างมาดูกัน

    เรียกร้องความสนใจจากผู้ชมได้มากกว่า

    เพราะงานแบบ 3D มีการให้แสงเงาและมิติที่น่าสนใจได้มากกว่า และช่วยสร้างภาพลวงเหมือนว่าสิ่งนั้นทะลุออกมาจากหน้าจอได้ จึงช่วยดึงดูดสายตาของผู้ชม

    ช่วยให้เว็บไซต์ สื่อ หรือ Digital Product ของคุณมีเอกลักษณ์มากขึ้น

    เพราะงานกราฟฟิคแบบ 3D นั้นมีลูกเล่นที่แตกต่างจากงานแบบสองมิติทั่วไป เช่นการจัดแสง มุมกล้อง การสะท้อนและหักเหแสงของวัตถุ พื้นผิวของวัตถุ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้ดีไซน์ของงานออกมาไม่ซ้ำกับใครได้ง่าย ๆ แน่นอน

    สร้างความจดจำกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

    ด้วยความสะดุดตาและไม่ซ้ำกับใครง่าย ๆ ที่กล่าวมา ก็ทำให้กลุ่มลูกค้าหรือผู้ใช้งานของคุณสามารถจดจำสินค้าและแบรนด์ได้ไม่ยาก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของการสื่อสารทางการตลาด

    ออกแบบอะไรให้เป็น 3D ได้บ้าง

    เทคนิคการออกแบบสไตล์ 3D นั้นสามารถใช้กับการออกแบบองค์ประกอบได้หลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างก็จะมีประโยชน์และรูปแบบการนำเสนอต่าง ๆ กันไป วันนี้นำตัวอย่างมาให้ดู 5 อย่างด้วยกัน…

    3D Typography

    ตัวอักษรนั้นเรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่พื้นฐานที่สุดอย่างหนึ่งในการออกแบบสื่อ ซึ่งเป็นโอกาสให้นักออกแบบได้ปลดปล่อยไอเดียของตัวเองได้อย่างมากมายตั้งแต่การเลือกฟอนต์ สี ขนาด ไปจนถึงการประดิษฐ์อักษรเป็นงานกราฟฟิคแบบ 3D ที่ทำให้ข้อความเหล่านั้นออกมาน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก

    ซึ่งงาน typography แบบ 3D ก็สามารถนำมาออกแบบงานได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ใช้เป็น UI เป็นองค์ประกอบร่วมกับภาพจริง (Typography as real life emelent) หรือเป็นหัวข้อตัวใหญ่ ๆ ก็ได้เช่นกัน

    Stay Curious by Ian Barnard

    3D Illustration

    ภาพประกอบแบบ 3D เป็นกราฟฟิคอีกสไตล์หนึ่งที่ช่วยสร้างสีสัน ความมีชีวิตชีวาให้กับหน้าจอได้อยากมาก หากเลือกใช้ให้เหมาะสมก็จะช่วยให้หน้าจอนั้น ๆ โดดเด่นขึ้นมาได้

    3D icon practice by Lionel

    3D Product

    การใช้กราฟฟิคแบบ 3D เพื่อการขายสินค้าถือเป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลมากขึ้น แต่ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นด้วย โดยเฉพาะสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์ ที่นอกจากลูกค้าสามารถหมุนดูได้ทุกมุมแล้ว ทางผู้ประกอบการยังไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพสินค้าอีก และยังสามารถใช้ภาพสามมิติของสินค้าในการทำการตลาดก่อนการผลิตจริงได้ด้วย

    Nike App - 3D Checkout by Oliver H. Günther


    3D Avatar

    เทคโนโลยีด้านกล้องและ AI ที่มีความก้าวหน้า ทำให้เราสวามารถสร้าง 3D Avatar หรือภาพแทนตัวของเราแบบ 3D ขึ้นมาได้ง่าย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างสีสัน และประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งานบน Digital Product ได้ไม่น้อย

    3D Transition Effect in UI

    นอกเหนือจากงานกราฟฟิคที่ว่ามาแล้ว เทคนิคการทำกราฟฟิคแบบ 3D ก็สามารถประยุกต์ใช้กับการออกแบบ UI ได้เหมือนกันซึ่งเราจะเห็นได้จากการออกแบบเงาของปุ่มที่ช่วยให้มันดูเหมือนลอยอยู่บนหน้าจอ ที่เป็นหลักการของ Material Design หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของ UI แบบ 3D

    Dashboard Dark Mockup for Unity by Tran Mau Tri Tam ✪

    แต่ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิคสไตล์ไหน สิ่งสำคัญในการออกแบบ ก็คือการเลือกสิ่งที่จะนำเสนอให้ตอบโจทย์ของกลุ่มเป้าหมาย แน่นอนว่างานสไตล์ 3D อาจสร้างความโดดเด่นแตกต่าง แต่มันจะทำงานได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อถูกใช้กับโจทย์ที่เหมาะสมเท่านั้น การทำความรู้จักกับจุดเด่นและเอกลักษณ์ของงานออกแบบสไตล์นี้จึงอาจจะช่วยให้คุณเลือกใช้บริการจาก Digital Experience Agency ได้ตรงกับโจทย์ของคุณมากยิ่งขึ้น

    MORE ARTICLES

    0 Comment