โลกเรากำลังมีแบรนด์ที่เกิดขึ้นมากมาย ตอนนี้มีธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่มากมายมหาศาล ไม่เพียงแต่การแข่งขันที่สูงในประเทศเท่านั้น การเข้ามามีบทบาทของอินเทอร์เน็ตทำให้โลกเราเกิดการค้าขายออนไลน์มากขึ้นและนำไปสู่การแข่งขันที่สูงในตลาดโลก แต่ถึงแม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่เสี้ยวของธุรกิจต่าง ๆ เหล่านั้นที่แข่งขันกับแบรนด์ของคุณ แต่ก็เป็นจำนวนที่ท่วมท้นมากอยู่ดีที่ต้องจะรับมือในยุคที่ข้อมูลมีอยู่มากมายรวมถึงการแลกเปลี่ยนทางดิจิทัลได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
การแข่งขันของแบรนด์ต่าง ๆ เหล่านั้นทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเรื่องของแคมเปญทางการตลาดและการโฆษณาเพื่อดึงดูความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายให้มาเป็นลูกค้าของแบรนด์ แล้วเราจะทำอย่างไรดี? เมื่อต้องการสร้างแบรนด์ในยุคที่การแข่งขันสูงขนาดนี้ จะทำอย่างไรให้แน่ใจว่าแบรนด์ของเรามีคุณสมบัติที่พร้อมจะต่อสู่กับแบรนด์อื่น ๆ และโดดเด่นขึ้นมาได้ วันนี้ผมได้หยิบเรื่องราวคุณสมบัติสำคัญพื้นฐานที่แบรนด์ของคุณควรจะมีมาบอกต่อกับทุกคน
- ความเป็น Original
เริ่มต้นจากความเป็น Original กันก่อน ถ้าพูดถึงความเป็น Original ต้องย้อนกลับไปถามก่อนว่าแท้จริงแล้วความ Original คืออะไรกัน บนโลกใบนี้มีอะไรที่เป็น Original บ้าง คำตอบที่หลาย ๆ คนได้แทบไม่ต่างกันเลยคือเราหาความ Original บนโลกใบนี้แทบไม่ได้ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากบางสิ่งบางอย่างเสมอ แต่การที่จะทำให้แบรนด์ของคุณมีความเป็น Orignal นั้น ก็ต้องหาแรงบันดาลใจที่จะสร้างมันขึ้นมา ซึ่งหากคุณพยายามเลียนแบบแบรนด์ของคู่แข่ง ไม่มีเหตุผลที่น่าสนใจอะไรเลยที่ผู้คนจะเลือกแบรนด์ของคุณแทนที่จะเป็นแบรนด์อื่น ๆ จึงจำเป็นจะต้องหามุมมองที่ไม่มีใครเคยมีใครถ่ายทอดออกมาก่อน ผนวกกับแรงบันดาลใจและ Reference ที่คุณมาอยู่มาประกอบหลอมหลวมเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากหากคุณไม่ต้องการกลมกลืนกับการแข่งขันไปเสียทั้งหมด
- การแสดงความจริงใจ (Sincerity)
แบรนด์ของคุณต้องแสดงถึงความจริงใจในระดับหนึ่ง ปัจจุบันโลกของเรามีปัญหาอย่างมากทั้งในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การเมืองการปกครอง แน่นอนว่าผู้คนในยุคปัจจุบันให้ความสนใจกับข่าวสารต่าง ๆ เป็นอย่างมาก การแสดงความจริงใจของแบรนด์ในด้านการแสดงออกต่อการรับทราบถึงปัญหาเหล่านี้ เช่นถ้าคุณสร้างแบรนด์เสื้อผ้าแล้วมีคนตั้งคำถามไปถึงกระบวนการผลิต วัสดุที่คุณเลือกใช้ การใช้แรงงานต่าง ๆ ที่ผู้คนต้องการคำตอบเพื่อที่จะสนับสนุนแบรนด์ของคุณ คุณก็สามารถที่จะศึกษาสิ่งเหล่านี้ก่อนสร้างแบรนด์ว่าที่จริงแล้วกลุ่มเป้าหมายแบรนด์ของเราคือใคร กลุ่มคนเหล่านั้นตระหนักและสนใจในเรื่องราวแบบไหน และรวมไปถึงการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์เพราะถ้าหากว่าคุณตอบสนองต่อลูกค้าทั้งหมดของคุณบนโซเชียลมีเดียด้วยการที่คัดลอกและวางแบบเดียวกัน ผู้คนจะมองว่าคุณเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ไร้จิตวิญญาณซึ่งสนใจแต่การทำกำไรเท่านั้น ให้แสดงความเป็นมนุษย์ของคุณแทน การลงทุนในบุคลิกภาพของแบรนด์และพูดคุยกับลูกค้าในแบบที่คุณจะพูดกับเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง คุณอาจทำผิดพลาดไปบ้างระหว่างทาง แต่ลูกค้าของคุณจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับคุณในระยะยาวอย่างแน่นอน
- ความเข้าอกเข้าใจ (Understanding)
แบรนด์ที่ดีที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดคือแบรนด์ที่เข้าใจกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง พวกเขาสาธิตสิ่งนี้ด้วยการสร้างข้อความที่เกี่ยวข้องกับเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังกำหนดเป้าหมายเป็นผู้ปกครอง คุณพ่อ-คุณแม่ คุณอาจพูดถึงปัญหาการเลี้ยงดูบุตรทั่วไป เช่น มีปัญหากับกิจวัตรตอนเช้า สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นถึงระดับของความเห็นอกเห็นใจและทำให้ผู้ผู้ที่พบเห็นนั้นเชื่อมโยงกับแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้นในทันที หลังจากนั้นก็จะนำไปสู่การโต้ตอบที่เพิ่มขึ้นและมี Conversion ร่วมกันมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างคุณกับลูกค้า
- ความกล้าหาญ (Boldness)
การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง หลาย ๆ คนคงเคยได้ประโยคนี้กันมามากพอแล้ว ในการสร้างแบรนด์ประโยคนี้ก็สามารถ Relate ได้เหมือนกัน เพราะในการสร้างแบรนด์ความเสี่ยงมักจะนำไปสู่การให้รางวัล แบรนด์ที่กล้าหาญที่สุดรวมถึงไม่กลัวที่จะทดลองเทคนิคใหม่ ๆ หรือกล้าที่จะใช้จุดยืนในประเด็นที่ขัดแย้งกันในอุตสาหกรรม นั่นจะคล้าย ๆ กับส่วนของเรื่องความจริงใจที่ได้เขียนไปข้างต้นด้วย หากคุณกล้าที่จะแสดงจุดยืนในเรื่องต่าง ๆ ที่ลูกค้าของคุณได้รับผลกระทบจากสังคมนั้น ๆ กล้าที่จะยืนเคียงข้างพวกเขาเพื่อแสดงถึงความกล้าหาญ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงแต่แน่นอนว่าพวกเขาจะสนับสนุน มีความภักดีต่อแบรนด์ของคุณมากขึ้นอีกด้วย
- ความมั่นคงและสม่ำเสมอ (Consistency)
คงไม่มีใครอยากได้อะไรที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน คิดดูถ้าวันหนึ่งคุณซื้อสินค้ามาหนึ่งอย่างแล้วชื่นชอบมากแล้วกลับไปซื้อซ้ำอีกรอบกลับพบว่าสิ่งที่เคยได้รับในครั้งแรกนั้นไม่เกิดขึ้นในการซื้อครั้งที่สองคุณจะรู้สึกอย่างไร แน่นอนว่าเป็นไปได้ยากมากที่คุณจะกลับไปซื้อซ้ำเป็กนครั้งที่สามเพื่อตามหามาตรฐานเดิม หลายต่อหลายคนคงถอดใจไปตั้งแต่ถูกลดมาตรฐานของสินค้าลงไปในครั้งที่สองแล้ว ซึ่งหากมาตรฐานแบรนด์ของคุณไม่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน หรือคุณมีการที่ใช้มาตรฐานเหล่านั้นเพื่อระดับประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน อาจทำให้ผู้กลุ่มลูกค้าของคุณรู้สึกแปลกแยกได้ หากจะมีการจัดลำดับความสำคัญของลูกค้า ต้องมีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าเหตุผลที่ได้รับหรือไม่ได้รับมาตรฐานเหล่านั้นเพราะเหตุผลด้านใด เป้าหมายหลักของแบรนด์คือการทำให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของคุณอยู่ต่อไปกับคุณให้นานที่สุด แต่การจะทำเช่นนั้นได้ คุณต้องทำให้พวกเขารู้สึกคุ้นเคยและผูกพันธ์กับแบรนด์ของคุณให้ได้
- ทัศนวิสัยและความชัดเจนแจ่มแจ้ง (Visibility)
แน่นอนว่าหากผู้คนไม่เห็นแบรนด์ของคุณพวกเขาก็จะไม่สามารถตอบสนองต่อแบรนด์ของคุณในทางใดทางหนึ่งได้ แม้จะมีโอกาสที่ลูกค้าบางรายจะหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ต้องสงสัยผ่านการค้นหาทั่วไปและเส้นทางขาเข้าอื่น ๆ แต่วิธีเดียวที่จะสร้างชื่อเสียงของคุณจากศูนย์คือการทำให้แบรนด์ของคุณมองเห็นได้มากที่สุด เช่นการใช้ประโยชน์จากโอกาสต่าง ๆ เพื่อกระจายกลยุทธ์ของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณอาจโพสต์เนื้อหาบนสิ่งพิมพ์ภายนอกเพื่อสร้างชื่อเสียง เปิดตัวกลยุทธ์บนโซเชียลมีเดีย หรือลงทุนมหาศาลในการโฆษณาและสื่อส่งเสริมการขาย หรือการทำเว็บไซต์เพื่อส่งเสริมแบรนด์ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องการสื่อสารอะไรกับกลุ่มเป้าหมาย หาความชัดเจนและเป้าหมายของแบรนด์ให้ได้ มิฉะนั้นไม่ว่าจะลงทุนไปเยอะขนาดไหน แต่ขาดความชัดเจนในการสื่อสารก็ไม่อาจได้อะไรกลับมาเลยด้วย
- คุณค่าด้านความคุ้มค่า (Value)
ต้องย้อนกลับไปถามตัวเองว่าเรายอมจ่ายเงินให้กับแต่ละอย่างในชีวิตประจำวันไปเพื่ออะไร เราคำนึงถึงอะไรบ้าง แน่นอนว่าหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนคำนึงถึงมากที่สุดคือความคุ้มค่า แบรนด์สามารถโดดเด่นได้ด้วยการนำเสนอคุณค่าและความคุ้มค่าที่อาจจะมากกว่าคู่แข่ง สามารถทำได้หลายวิธี เช่น คุณสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีกว่า หากคุณเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าใกล้เคียงกัน ทุกสิ่งอย่างดูจะคล้ายคลึงกันไปเสียหมดก็อาจจะใช้เวลานานกว่าหน่อยก่อนที่ผู้คนจะเข้ามาหาแบรนด์ของคุณ แต่หากไม่สามารถจะกดหนดราคาให้แตกต่างกันมากได้เพราะผลกระทบเรื่องกำไร ก็อาจให้คุณค่าในแง่ของเนื้อหาที่ดีกว่า มีข้อมูลมากขึ้น หรือการบริการลูกค้าที่เป็นส่วนตัวและเข้าถึงง่ายมากขึ้น ความคิดริเริ่มก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ดังนั้นให้คิดให้รอบคอบเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการดึงดูดลูกค้ารวมถึงกลุ่มเป้าหมายในอนาคตของคุณ
หากคุณเพิ่งเริ่มสร้างแบรนด์ ปัจจัยเหล่านี้ควรเป็นแนวทางเบื้องต้นในการพัฒนาแบรนด์ หากคุณมีแบรนด์อยู่แล้วและดูเหมือนว่ายังขาดอยู่ ให้พิจารณาใช้แคมเปญรีแบรนด์หรืออย่างน้อยปรับการดำเนินการตามมาตรฐานแบรนด์ของคุณเพื่อสะท้อนถึงค่านิยมต่าง ๆ เหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดให้ใช้เวลาในการตรวจสอบกลยุทธ์แบรนด์ปัจจุบันของคุณและประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานที่คุณตั้งไว้ตั้งแต่แรก อย่าลืมว่าเป็นไปได้ยากมากที่ธุรกิจหนึ่ง ๆ จะเติบโตและเป็นที่รู้จักของผู้คนในวงกว้างโดยที่ได้ได้ลงทุนลงแรงระดมความคิดใด ๆ เลย
0 Comment