Top Game Tools 2022

ปัจจุบันโลกของเกมได้ก้าวสู่ยุครุ่งเรืองอย่างเต็มรูปแบบ ถ้าย้อนไปช่วงที่เป็นเด็กการเข้าถึงเกมดูจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากพอสมควร ช่วงปี 80-90 นานทีปีหนถึงจะมีโอกาสได้ไปเล่นเกมตู้ในห้างสรรพสินค้า หรืออาจจะย้อนเวลาไปสั้นหน่อยหลาย ๆ คนก็ไปต่อคิวตามร้านเกมคาเฟ่ หรืออาจมีเกมบอยเป็นของตัวเอง แชร์กับเพื่อนใกล้ ๆ บ้านเล่นด้วยกัน แต่เมื่อผู้คนเริ่มเข้าถึงโทรศัพท์มือถือยาวมาถึงยุคนี้ที่แทบจะทุกคนบนโลกมี Smart Phone เป็นของตัวเอง เกมที่เมื่อก่อนต้องไปห้างสรรพสินค้าถึงจะเข้าถึงได้ ปัจจุบันเพียงแค่โหลดหรือจ่ายเงินซื้อบน Smart Phone เกมทุกเกมที่เราอยากเล่นก็จะมาอยู่บนมือถือของเราแล้ว

เนื่องจากการเข้าถึงเกมที่ง่ายมากขึ้น เรามีเกมเมอร์บนโลกใบนี้มากขึ้น การสร้างประโยชน์และมูลค่าจากเกมก็มีมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งการผลักดันให้เกมหลาย ๆ เกมกลายเป็น E-Sport ก็ส่งผลทำให้เกิดเป็นอาชีพต่าง ๆ มากมายตามมาด้วยนอกจากนักกีฬา E-Sport แล้ว นักออกแบบเกมยุคปัจจุบันนี้ก็เป็นที่ต้องการของตลาดมากด้วยเช่นกันด้วย

จากหลาย ๆ บทความที่ผ่าน ๆ มาผมได้พูดถึงเครื่องมือการออกแบบของนักออกแบบหลาย ๆ แขนงไม่ว่าจะเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ UX/UI หรือนักออกแบบด้านสถาปัตยกรรมก็ตามที วันนี้ผมจะมาแนะนำเครื่องมือการออกแบบ 2 ตัว ที่เรียกได้ว่าเป็นตัว Top ของเหล่านักออกแบบเกม ณ เวลานี้ซึ่งถ้าหลาย ๆ คนกำลังมองหาเครื่องมือที่จะช่วยพัฒนาเกม 3D ก็จะพบว่ามีตัวเลือกมากมายให้เลือกในตลาดในตอนนี้ แต่สอวตัวที่เป็นที่ยอดนิยมและนักออกแบบเกมรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ Unity และ Unreal Engine

Unity

จากการจัดอันดับของ gamespace.com ได้จัดให้ Unity เป็น Tool ที่ยอดนิยมที่สุดของนักออกแบบเกมเลยทีเดียว Unity ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักพัฒนาเกมอินดี้และสตูดิโอขนาดเล็ก เรียกได้ว่าตัวแพลตฟอร์มมันทรงพลังเป็นอย่างมากและยังใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชัน ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาเกมบนมือถือ คุณสมบัติที่ทรงพลังนี่เองทำให้ Unity ถูกใช้เพื่อสร้างเกมยอดนิยมที่เราหลาย ๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เช่น Valheim, Among Us, Cities Skylines, Escape From Tarcov, Assassin's Creed Identity และอีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง

บทความ PLATFORMS FOR GAMING APPLICATION DEVELOPMENT ของ gamespace.com ซึ่งเขียนโดยคุณ KD Malen ได้บอกไว้ว่า แม้ว่าจะมีเครื่องมือมากมายในปัจจุบันแต่แพลตฟอร์มเดียวที่สามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริงก็คือ Unity ซึ่ง Unity เป็นผลิตภัณฑ์ของ Unity Technologies ที่สามารถออกแบบเกมโดยการพัฒนา 2D และ 3D ที่น่าทึ่ง และสามารถใช้เพื่อนำเข้าเนื้อหาจากเครื่องมือการสร้าง 3D ตัวอื่น ๆ หลาย ๆ ตัวไม่ว่าจะเป็น Blender หรือ Maya

Unity เป็นเครื่องมือที่เราสามารถเข้าถึงคู่มือและ Titorial การช่วยสอนมากมาย โดยมีเว็บไซต์รวบรวมสื่อการสอนของ Unity ที่ Unity Learn ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ Unity ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งในกลุ่มนักออกแบบเกมที่มีประสบการณ์และนักออกแบบเกมมือใหม่อีกด้วย

Unity รองรับแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น Fire OS, Tizen OS, Windows Phone และ Android เกี่ยวกับราคาหากต้องการเครื่องมือรุ่น Plus จะมีค่าใช้จ่าย 40 ดอลล่าสหรัฐต่อเดือน รุ่น Pro จะมีค่าใช้จ่าย 150 ดอลล่าสหรัฐต่อเดือน และรุ่น Enterprise จะมีค่าใช้จ่าย 200 ดอลล่าสหรัฐต่อเดือน

Unreal Engine 

Unreal Engine เปิดตัวเวอร์ชันแรกในเดือนพฤษภาคมปี 1998 และเวอร์ชันล่าสุดที่อัปเดตให้ใช้กันคือเวอร์ชัน 5 เปิดให้ใช้เมื่อเดือนเมษายนปี 2022 ที่เพิ่งผ่านมานี้เอง โดยรุ่นนี้จะมีซอร์สโค้ดอยู่ใน GitHub และ Unreal Engine นับว่าเป็นซอฟต์แวร์พัฒนาเกมที่เหมาะสำหรับสตูดิโอเกมชั้นนำ ซึ่งหลาย ๆ เกม ณ ตอนนีี้ ไม่ว่าจะเป็น Unreal Tournament, BioShock, Dishonored, Borderlands และ Fortnite ซึ่งเกมเล่านี้อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัยเรืออาจเรียกได้ว่าล้ำสมัยมาก ๆ กันเลยทีเดียว เพราะตัวแพลตฟอร์มเองสามารถช่วยให้นักพัฒนาเกมสามารถเรนเดอร์ภาพที่สมจริงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งการทำงานอย่างมีประสิทธิภานี้เองทำให้เครื่องมือนี้ต้องมีช่วงการเรียนรู้ที่สูงเป็นพิเศษ ซึ่งอาจจะเหมาะสมที่สุดสำหรับนักพัฒนาเกมมืออาชีพที่มีประสบการณ์การพัฒนาเกมมาบ้างแล้ว และอาจเป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับนักออกแบบเกมมือใหม่ ซึ่งการเรียนรู้การใช้งาน Unreal Engine ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมากทีเดียว

อย่างที่ได้บอกไปว่า Unreal Engine มีความสามารถด้านกราฟิกที่แข็งแกร่งพร้อมทั้งแสง สีเงา Unreal Engine จึงเป็นเครื่องมือที่อยู่เบื้องหลังเกม มากมายที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ด้วยความยอดนิยามเครื่องมือจึงได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะเพื่อจัดการกับงานที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องมืออื่น ๆ แถมยังเป็นโอเพ่นซอร์สด้วย

อย่างไรก็ตามตามที่นักพัฒนาเกมจำนวนมากต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Unreal Engine เหมาะสมกว่าสำหรับงานใหญ่และการทำร่วมกันเป็นทีมทำให้มีจุดอ่อนตรงที่ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับโปรเจ็กต์ธรรมดาหรือโปรเจ็กต์เดี่ยวทำให้นักพัฒนาหลาย ๆ คนที่ทำงานคนเดียวอาจเปลี่ยนใช้เครื่องมืออื่นแทนได้ วิดีโอด้านล่างเป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของสิ่งมหัศจรรย์ที่นักเรียนทั่วโลกได้สร้างขึ้นด้วย Unreal Engine ซึ่ง Unreal Engine สามารถใช้ได้ทั้งบน Cloud, SaaS, Web-Based, Mac และ Windows

ถ้าพูดถึงเกมแล้วอีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Animation นั่นเอง ไม่ว่าจะตัวละครต่าง ๆ ทีอยู่ในเกม หรืออยู่ในภาพยนตร์ ในโฆษณาที่มี 3D Animation เรามาดูกันว่ามีโปรแกรมอะไรที่นักออกแบบ Animation เลือกใช้ วันนี้ผมจะมาพูดถึง tools สองชนิดที่เป็นที่นิยมในหมู่นักออกแบบ 3D Animation

Blender

Blender เป็นชุดเครื่องมือการออก 3D กราฟิกแบบ Opensource แบบฟรีสามารถที่จะใช้สำหรับการออกแบบ 3D ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่น วิชวลเอฟเฟกต์ กราฟิกเคลื่อนไหว แอปพลิเคชัน 3D วิดีโอเกม และงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบ 3D อีกมากมาย

คุณสมบัติที่สำคัญของ Blender คือ การสร้างแบบจำลอง 3 มิติ, การทำแผนที่ UV, การสร้างพื้นผิว, การวาดภาพดิจิตอล, การแก้ไขกราฟิกแรสเตอร์, การควบคุมเสื้อผ้าและสกินนิง, การจำลองของเหลวและควัน, การจำลองอนุภาค, การจำลองร่างกายที่อ่อนนุ่ม, การแกะสลัก, แอนิเมชั่น, การแสดงผล, กราฟิกเคลื่อนไหว, การตัดต่อวิดีโอ และ Compositing เรียกได้ว่าครอบคลุมการทำงานในส่วนของ 3D โมเดลแทบจะทั้งหมดเลย

ด้วยการทำงานที่หลากหลายของ Blender เองที่สร้างความประทับใจให้เหล่านักออกแบบเข้ามาเลือกใช้เครื่องมือนี้ นอกจากที่ได้พูดไปอล้วว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ในส่วนของงาน Animation เอง ตัว Blender ยังมีฟังก์ชันที่หลากหลายตอบโจทย์การออกแบบ ตัวละคร 3D Animation ไม่ว่าจะเป็นการทำระบบการเคลื่อนไหวของตัวละคร เพิ่ม Effect ต่าง ๆ ให้ตัวละครมีความน่าสนใจขึ้นได้ในเครื่องมือเดียว และการออกแบบที่ทำให้ตัวละครของเราเนียนกริบ ไร้ที่ติอย่างการฝังข้อต่อลงไปในงานที่เราออกแบบเพื่อเชื่อมต่อจุดต่าง ๆ บนร่างกายของตัวละครให้เคลื่อนไหวได้อย่างสมจริง

Maya

หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของ Maya เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นชื่อที่แมสที่สุดของที่นักออกแบบงานการฟิก 3D แทบจะทุกคนต้องรู้จักเครื่องมือชนิดนี้ Maya เป็นซอฟต์แวร์การออกแบบ 3D ระดับมืออาชีพ ที่ใช้สำหรับการสร้างตัวละครที่สมจริงและเอฟเฟกต์ระดับบล็อคบัสเตอร์ทำให้ตัวละครที่น่าเชื่อถือ รู้สึกว่าสิ่งนี้มีชีวิตด้วยเครื่องมือแอนิเมชั่นที่สุดยอด แต่ในขฯะเดียวกันก็สามารถกำหนดรูปร่างวัตถุและฉาก 3 มิติด้วยเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและสามารถสร้างเอฟเฟกต์ที่สมจริง ตั้งแต่เรื่องเล็กยิบย่อย ไปจนถึงเอฟฟเฟ็กต์ระดับเทพ

เรามาดู Key features ของ Maya กันว่าทำไมถึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับจากนักออกแบบทั่วโลก ซึ่ง Key Feature สำคัญ ๆ ของ Maya มีอยู่มากมายนั่นก็คือ

- Bifrost สำหรับ Maya ที่สามารถสร้างการจำลองที่แม่นยำทางกายภาพในสภาพแวดล้อมการเขียนโปรแกรมแบบภาพเดียว

- USD ใน Maya ที่สามารถโหลดและแก้ไขชุดข้อมูลขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว และทำงานโดยตรงกับข้อมูลโดยใช้เครื่องมือดั้งเดิม

- Unreal Live Link สำหรับ Maya สตรีมข้อมูลแอนิเมชั่นจาก Maya ไปยัง Unreal Engine เครื่องมือที่เราได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้ได้แบบเรียลไทม์ด้วย Plugin ที่มีชื่อว่า Unreal Live Link forMaya

 - Graph Editer ที่สามารถสร้าง ดู และแก้ไขเส้นโค้งของแอนิเมชั่นโดยใช้การแสดงภาพกราฟิกของฉากแอนิเมชั่น

นอกจาก Key Feature ที่ได้พูดถึงแล้วยังมี function สำคัญอื่น ๆ อีกมากมายให้เราสามารถได้พัฒนางานออกแบบ 3D Animation ของเราได้อย่างแทบจะไม่มีขีดจำกัด

จากความสามารถและประสิทธิภาพที่สูงของ Maya เอง ทำให้ Studio ที่สร้างสรรค์ภาพยนตร์ Animation และ Studio เกมที่มีชื่อเสียงหลาย ๆ เจ้า เลือกที่จะใช้ Maya พัฒนาผลงานของตนเองเพื่อออกสู่ตลาด

ที่เราคุ้ยเคยกันดีก็มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์จากจักรวาลที่หลาย ๆ คนหลงใหลอย่าง Avengers: Endgame จาก Marvel Studios

 ตัวละครจากการ์ตูนในวัยเด็กที่เป็นความทรงจำของใครหลาย ๆ คนอย่าง Tom and Jerry จากสตูดิโอ Warner Bros.

รวมไปถึงตัวละครจากเกมที่ภาพสวยและเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเหล่าเกมเมอร์อย่างเกม The Ikoria: Lair of Behemoths game จาก Axis Studios

ซึ่งนอกเหนือจากเครื่องมือทั้ง 4 ตัวที่ได้ยกมาพูดถึงกันวันนี้ยังมือเครื่องมือสำหรับนักออกแบบ 3D Animation และนักพัฒนาเกมทั้งหลายอีกมากมายให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ 2D หรือ 3D สิ่งสำคัญคือเราต้องดูว่าเครื่องมือตัวไหนเหมาะกับการสร้างผลงานแบบไหนด้วย ซึ่งมีทั้งแบบที่เหมาะกับการทำงานคนเดียว เหมาะกับทำงานเป็นทีม เหมาะกับการทำงานที่มีคุณภาพสูง และยังต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุนของการพัฒนาด้วยว่าควรเลือกใช้อันไหน อีกทั้งยังเรื่องของความยากง่าย การใช้งานร่วมกันของเครื่องมือต่าง ๆ ว่ายากง่ายกับงานของเราอย่างไรอีกด้วย