ในยุคที่ข้อมูลเปรียบเสมือนกับของมีค่า การนำ Business Intelligence หรือ “BI” เข้ามาใช้ จึงเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน Business Intelligence คือเครื่องมือทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ผู้ใช้สามารถนำไปประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่มาจากแหล่งข้อมูลหลายแหล่ง เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถตัดสินใจได้ว่าจะวางแผนการตลาดของธุรกิจอย่างไรให้ก้าวนำผู้อื่นไปอีกขึ้น เพื่อให้คุณสามารถนำ Business Intelligence มาปรับใช้เข้ากับธุรกิจของคุณมากยิ่งขึ้น บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องรู้มาให้หมดแล้ว!
ทำความรู้จักกับ Business Intellingence คือ
Business Intellingence หรือ ระบบธุรกิจอัจฉริยะ คือ ชุดของกระบวนการและเทคโนโลยีที่สามารถบริหารจัดการกับข้อมูลดิบ (Raw Data) ขององค์กรให้กลายมาเป็นข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่มีความหมายและสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ โดยการแสดง Data Visualization เป็นกราฟ (Graph) หรือแผนภาพ (Chart) ผ่านหน้าสรุป (Dashboard) หรือรายงาน (Report) ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานข้อมูลสามารถนำไปวิเคราะห์ต่อยอด เฝ้าติดตาม ซึ่งช่วยในการตัดสินใจ แม่นยำ และรวดเร็วกว่าคู่แข่ง ทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก สามารถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่หลากหลายภายในองค์กรมาทำแผนธุรกิจในอนาคตได้ดีขึ้น
ในขณะที่ BI Developer คือ บุคคลที่ใช้เครื่องมือ BI เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูล สร้าง Visulization และทำออกมาเป็นรายงาน (Report) เพื่อหา Insight จากข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจที่จะมีผลกระทบกับธุรกิจโดยตรง ทำให้ธุรกิจมองเห็นโอกาสในการเติบโต เพิ่มส่วนแบ่งกำไร วิเคราะห์ความเสี่ยง และลดต้นทุนได้
หลักการทำงานของ Business Intellingence
หลักการทำงานของ Business Intelligence (BI) คือ สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลัก ๆ ได้ดังนี้
1. การรวบรวมข้อมูล (Data Collection)
โดยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มารวบรวมจัดเก็บไว้ด้วยกัน เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์และการเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ฐานข้อมูลภายในองค์กร เช่น ERP, CRM software หรือไฟล์ Excel, CSV และข้อมูลออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ หรือ Social Media
2. การจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูล (Data Storage and Processing)
ทำงานโดยการจัดเก็บข้อมูลที่รวบรวมมาไว้ใน Data Warehouse หรือ Data Lake เพื่อรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลและปรับโครงสร้างข้อมูลให้พร้อมสำหรับการวิเคราะห์ และมีการทำความสะอาดข้อมูล (Data Cleaning) เพื่อลบข้อมูลที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ถูกต้อง เพื่อให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่พร้อมใช้งาน
3. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยฟีเจอร์หลายประเภทจากการสำรวจข้อมูล เพื่อหาแนวโน้ม (Trends), ความสัมพันธ์ (Correlations), และรูปแบบ (Patterns) ที่ซ่อนอยู่
4. การนำเสนอข้อมูล (Data Visualization)
แสดงผลข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น กราฟ, แผนภูมิ, ตาราง, และแดชบอร์ดแบบโต้ตอบ (Interactive Dashboard) ช่วยให้ผู้บริหารหรือผู้ใช้งานสามารถเข้าใจข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
5. การนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ (Decision Making)
ใช้ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์และการแสดงผลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ช่วยในการคาดการณ์อนาคต วางแผนธุรกิจ ข้อมูลการตลาดและการขาย และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิต
ประโยชน์ของ Business Intellingence ที่มีต่อธุรกิจ
การนำ BI มาปรับใช้ในธุรกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตและแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล โดยเราได้สรุปประโยชน์ของ Business Intellingence ที่มีต่อธุรกิจมาดังนี้
1. ช่วยในการตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น : ลดการใช้เวลาในการตีความของข้อมูลจากหลายแหล่ง โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้ประหยัดเวลาในการทำความเข้าใจข้อมูล จึงเกิดการตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น
2. ความแม่นยำของข้อมูล : ข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์จากแหล่งต่าง ๆ จนได้ข้อมูลเชิงลึก ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์วางแผนในอนาคต หรือปรับกลยุทธ์องค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : สามารถนำข้อมูลที่ได้จาก BI มาพัฒนาหรือปรับปรุงธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ช่วยปรับปรุงกระบวนการภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4. เข้าใจลูกค้ามากขึ้น : ข้อมูลเชิงลึกทำให้สามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างชาญฉลาด จึงส่งผลให้ลูกค้าพึงพอใจกับสินค้าหรือบริการ และสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าได้ (Customer Experience)
5. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน : วิเคราะห์แนวโน้มอนาคตในแผนธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก
ดังนั้น หากธุรกิจของคุณมีความสนใจในการนำ Business Intelligence เข้ามาปรับใช้ในธุรกิจเพื่อให้สามารถเติบโตได้มากขึ้น ที่ Hocco เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและบริการด้านการวิเคราะห์และการตัดสินใจในการเลือกใช้ข้อมูล ทีมงานของเราพร้อมสนับสนุนธุรกิจของคุณให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน
การนำ Business Intellingence มาปรับใช้ในธุรกิจ
การนำ Business Intelligence (BI) คือ การนำมาปรับใช้ในธุรกิจช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยมีแนวทางการปรับใช้งานดังนี้
● การวิเคราะห์ทางสถิติ
องค์กรสามารถตรวจสอบสถิติหาแนวโน้มใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการทำธุรกิจ และหาสาเหตุได้ว่าแนวโน้มเหล่านั้นเกิดขึ้นจากอะไร และจะส่งผลอย่างไรต่อธุรกิจ
● การวิเคราะห์การตลาดและการขาย
ทีมการตลาดสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ มาวางแผนกลยุทธ์การตลาดทางธุรกิจโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อออกแบบแคมเปญและโปรโมชั่นได้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มยอดขาย
● การบริการลูกค้าและการสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Insights)
นำมาวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เช่น ความต้องการ การติดตามการร้องเรียน ความพึงพอใจ และรีวิวต่าง ๆ โดยจะนำข้อมูลเหล่านี้มาตอบคำถามของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างตรงจุด และนอกจากนั้นยังวางแผนการปรับปรุงบริการลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจต่อสินค้าและบริการในอนาคตที่ดียิ่งขึ้น
● การรักษาความปลอดภัย
การใช้ระบบฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ (Centralized Database System) และแดชบอร์ดแบบรวม สามารถระบุสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ป้องกันข้อมูลจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ เช่น การละเมิดข้อมูล (Data Breach) หรือการโจมตีทางไซเบอร์ เป็นต้น
แนะนำ 5 โปรแกรมและซอฟต์แวร์สำหรับ Business Intellingence
ปัจจุบันโปรแกรม Business Intelligence Software ที่ได้รับความนิยมมีอยู่หลายซอฟต์แวร์ด้วยกัน คือ 5 โปรแกรมนี้ที่มีคุณสมบัติเด่นเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการของธุรกิจของคุณในการเลือกใช้ตามนี้
1. Power BI
Power BI คือ Business Intelligence Toolห ที่มีความโดดเด่นตรงที่มีเครื่องมือที่ช่วยในการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว และการอัปเดตข้อมูลอัตโนมัติ นอกเหนือจากนี้ยังมีเครื่องมือในการแสดงผลที่เหมาะสมต่อการใส่ในเว็บแอปพลิเคชันและโทรศัพท์มือถือในระบบต่าง ๆ เช่น Android และ iOS อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแสดงผลผ่าน URL ต่อสาธารณชนหรือกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการจำกัดสิทธิ์อยู่
2. Tableau
เป็นเครื่องมือที่สามารถหา Trend ของข้อมูลและทำ Data Visulization บน Dashboards ได้ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยมีตัวเชื่อมไปยังแหล่งข้อมูลที่ได้รับความนิยมต่าง ๆ เช่น MS Excel, Google Analytics หรือ SalesForce เป็นต้น
3. Google Looker Studio
คืออีกหนึ่ง Business Intelligence Toolห ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และใช้งานได้ฟรีเพียงแค่มี Gmail หรือ Google Account โดยมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ สามารถรวบรวมข้อมูลจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ของ Google เช่น Google Ads, Google Analytics, Google Search Console และ YouTube เป็นต้น รวมไปถึงแพลตฟอร์ม Social Media อื่น ๆ อย่าง Facebook และ X พร้อมมีแทมเพลตมากถึง 30 รูปแบบให้เลือกใช้
4. Qlik Sense
Qlik Sense พัฒนาโดย Qlik มีจุดเด่นในเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลและการทำงานแบบ Associative Data Model ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาความสัมพันธ์ในข้อมูลได้อย่างลึกซึ้ง รวดเร็ว และสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลได้หลายประเภท แถมยังสามารถดาวน์โหลดปลั๊กอินมาใช้ได้ฟรีอีกด้วย
5. SAP BusinessObjects
เป็นเครื่องมือ BI ที่ SAP พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน Business Intelligence ที่มาพร้อมกับความสามารถด้านการทำรายงานอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การแสดงผลข้อมูลแบบ Real-Time และการทำ Data Visulization ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ สามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
สรุป
Business Intelligence คือการผสมผสานของเทคโนโลยี หรือกระบวนการหลาย ๆ ส่วน ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล (Data Collection) จากหลาย ๆ แหล่งข้อมูล (Data Source) การจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูล (Data Storage and Processing) และส่งต่อมาที่ส่วนการวิเคราะห์ (Analytics) แล้วนำไปแสดงผล (Data Visualization) ที่สามารถนำมาวิเคราะห์แผนภาพ (Visual Analysis) เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ช่วยในการคาดการณ์อนาคต และวางแผนการตลาด ซึ่งเครื่องมือ BI จะช่วยสนับสนุนการทำขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ให้มีความสะดวกและทำให้การใช้ประโยชน์จากข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา หากธุรกิจไหนสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่ในมือมาใช้ประกอบการตัดสินใจได้แม่นยำและรวดเร็ว ก็มักจะได้เปรียบธุรกิจอื่น และสามารถนำหน้าธุรกิจอื่นไปมากกว่าหนึ่งก้าวได้นั่นเอง
บริษัท Hocco ของเราเป็นบริษัทที่รับสร้างเว็บไซต์ และพัฒนาแอปพลิเคชัน เว็บไซต์และระบบหลังบ้านโดยเฉพาะ รวมทั้งยังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์และทำความเข้าใจธุรกิจ ตลอดจนการวางแผน ออกแบบ และปรับแต่งเว็บไซต์ หน้าเพจให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ พร้อมทั้งทีมงาน Support ที่จะช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้สามารถทำยอดขายและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ E-mail : hello@hocco.co หรือโทร. 064-6166426, 084-7332417
0 Comment