×

START A PROJECT

We are here to build a high-quality extension for brands to serve your consumers.

    By HOCCO - 19 กุมภาพันธ์ 2025

    เทคนิคการวางกลยุทธ์ "แผนการตลาด" เพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ

    อยากให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์กลายเป็นที่รู้จัก ควรทำยังไงดี ? แน่นอนว่าเจ้าของธุรกิจและนักการตลาดหลายคนน่าจะเคยตั้งคำถามนี้กับตัวเอง วันนี้ Hocco จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ “แผนการตลาด” เบื้องหลังของกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจและแบรนด์ของคุณกลายเป็นที่รู้จัก พร้อมทั้งแนะนำวิธีเขียนแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปประยุกต์ปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้จริง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยดีกว่า!

    รู้จักกับแผนการตลาด (Marketing Plan)

    แผนการตลาด หรือ Marketing Plan คือ กลยุทธ์ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อกำหนดทิศทางและช่วยส่งเสริมการทำการตลาดในแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็น แผนระยะสั้นอย่าง 1 เดือน 3 เดือน หรือ แผนระยะยาว 6 เดือน 12 เดือนก็ตาม โดยระยะเวลาของแผนการตลาดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละแคมเปญ ซึ่งแผนการตลาดที่ดีควรมีการกำหนดวัตถุประสงค์ KPI วิธีดำเนินการ ระยะเวลา และวิธีวัดผลที่ชัดเจน เพื่อให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแผนการตลาดได้

    ประโยชน์ของแผนการตลาดที่มีต่อธุรกิจ

    ในยุคที่มีการแข่งขันสูงไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ ทุกธุรกิจต่างให้ความสำคัญกับวิเคราะห์ตลาดและการจัดทำแผนการตลาดที่ครอบคลุม เพราะแผนการตลาดที่ดีจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโต ช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แน่นอนว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้น ก็หมายถึงกำไรที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน

    นอกจากนี้แผนการตลาดที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการงาน ทำให้การตัดสินใจเฉียบขาดขึ้น และช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต่อธุรกิจ ทำให้ธุรกิจมี Cash Flow ที่ดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดทุกคนจะให้สำคัญกับการวางแผนการตลาด 

    องค์กรประกอบสำคัญของแผนการตลาด

    แผนการตลาดที่ดีควรมีองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางกลยุทธ์และดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์ประกอบสำคัญของแผนการตลาด ดังนี้

     1. การวิเคราะห์สถานการณ์ (Situation Analysis) เช่น การทำ SWOT การศึกษาตลาดและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

     2. การกำหนดเป้าหมายทางการตลาด (Marketing Objective) เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย หรือ สร้างการรับรู้

     3. การเลือกกลุ่มเป้าหมาย (Target Market) เช่น การแบ่งกลุ่มตลาด (Market Segmentation) หรือ สร้างตำแหน่งทางการตลาดให้กับแบรนด์ เพื่อความโดดเด่น

     4. กลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategies) ด้วยการนำ 4Ps หรือ 7Ps มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจและบริการ

     5. แผนการดำเนินงาน (Action Plan) ด้วยการระบุรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงาน ไม่ว่าเป็น ระยะเวลา งบประมาณ และผู้รับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม

     6. การบริหารงบประมาณ (Budget Management) ด้วยการกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม

     7. การวัดผลและประเมินผล (Monitoring and Evaluation) กำหนดเกณฑ์วัดผลที่ชัดเจน เช่น ยอดขาย หรือ ROI เป็นต้น

     8. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ควรประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอน พร้อมวางแผนสำรอง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

    5 วิธี เขียนแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

    1. วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน

    ขั้นตอนแรกก่อนที่จะเริ่มเขียนแผนการตลาด ควรเริ่มจากการวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันและวิเคราะห์ SWOT เพื่อให้คุณทราบจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และPosition ของผลิตภัณฑ์ของคุณ นอกจากนี้ อย่าลืมที่จะศึกษาความต้องการและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และศึกษาคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ ในตลาด เพื่อให้ได้แผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

    2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญ

    หลังจากที่ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์จากข้อมูลแล้ว ขั้นตอนต่อมา คือ การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย โดยอาจจะเริ่มจากการทำ Customer Personna จากข้อมูลเดิมที่คุณมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ ที่อยู่ รายได้ ความสนใจ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

    3. กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน

    อย่างที่ได้กล่าวไปในช่วงแรก ๆ ว่า แผนการตลาดที่ดีต้องมีการตั้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน การตั้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณวัดผลแผนการตลาดได้ง่าย พร้อมทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ทุกคนทำให้สำเร็จตาม KPI ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้การตั้ง KPI ที่ดีควรตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง แต่ก็ไม่ควรที่จะตั้งไว้ง่ายจนเกินไป เพราะจะทำให้ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน

    4. วางกลยุทธ์และแผนการตลาด

    หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส คู่แข่ง กลุ่มเป้าหมาย Customer Insight และ KPI แล้วเรียบร้อย ต่อมาคือการวางกลยุทธ์ให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยคุณต้องลงรายละเอียดวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมาย ระยะเวลา และอื่น ๆ เพื่อให้แผนการตลาดออกมาครอบคลุมมากที่สุด

    5. จัดสรรงบประมาณ

    การจัดสรรงบประมาณถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกหนึ่งขั้นตอนในการเขียนแผนการตลาด โดยจำเป็นที่จะต้องกำหนดงบประมาณให้เหมาะสมกับแต่ละแคมเปญ และแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางออนไลน์ หรือ ออฟไลน์ก็ตาม

    ตัวอย่าง Use Case แผนการตลาดจากบริษัท Apple 

    1. ผู้ที่เกี่ยวข้อง

    ●ลูกค้า (Customers): ผู้ที่สนใจหรือซื้อสินค้า เช่น iPhone, MacBook

    ●พนักงานฝ่ายขาย (Sales Team): ผู้แนะนำสินค้าให้กับลูกค้า

    ●พันธมิตรด้านการจัดจำหน่าย (Retail Partners): ร้านค้าออนไลน์และร้านค้าปลีกที่ช่วยจำหน่ายสินค้า

    ●นักพัฒนา (Developers): ผู้พัฒนาแอปและบริการที่เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ของ Apple

    2. สิ่งที่จะทำเพื่อส่งเสริมการตลาด

    ●สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness):

    Apple ใช้การโฆษณาและกิจกรรม PR เพื่อเน้นจุดเด่นด้านนวัตกรรมและความหรูหรา เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ผ่านอีเวนต์ใหญ่ (Apple Event)

    ●เพิ่มประสบการณ์ลูกค้า (Enhancing Customer Experience):

    ใช้ Apple Store เป็นจุดบริการที่มีคุณภาพ ทั้งการให้คำแนะนำและบริการหลังการขาย

    ●ส่งเสริมยอดขายผ่านออนไลน์ (E-commerce Marketing):

    ใช้เว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย เช่น Apple.com หรือแพลตฟอร์มของพันธมิตร

    ●การสร้างชุมชนลูกค้า (Community Building):

    ใช้บริการ Apple Support และฟอรัมออนไลน์เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

    ●พัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตร (Partner Collaboration):

    ร่วมมือกับพันธมิตร เช่น ผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อโปรโมตสินค้าในแพ็กเกจ

    3. ขอบเขตงาน

    ●แพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัล: ใช้ Google Ads, Facebook Ads, และ Social Media

    ●Apple Store (ร้านค้าปลีก): เป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ลูกค้า

    ●ระบบข้อมูลลูกค้า (CRM): เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการทำตลาดส่วนบุคคล (Personalized Marketing)

    ●พันธมิตรการจัดจำหน่าย: ร้านค้าปลีกออนไลน์และออฟไลน์ เช่น Best Buy หรือ Lazada

    จุดเด่น Use Case ของแผนการตลาด Apple

    1. การเน้นความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้า: Apple ใช้การออกแบบแคมเปญที่มุ่งเน้นการสร้างอารมณ์และความรู้สึก (Emotional Appeal) ในทุกขั้นตอน

    2. การปรับแต่ง (Customization): แผนการตลาดที่แตกต่างไปตามตลาดท้องถิ่น เช่น การตั้งราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของแต่ละภูมิภาค

    3. การสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า (Value Creation): มุ่งเน้นนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระยะยาว

    สรุป

    การเขียนแผนการตลาดที่ดีและมีประสิทธิภาพจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนและศึกษาข้อมูลให้ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน เทรนด์ในอนาคต วิเคราะห์ตลาด คู่แข่ง ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อให้ได้แผนการตลาดที่สามารถช่วยแก้ไข pain point และตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงวิธีการวัดผลที่แม่นยำ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาใช้ประโยชน์ต่อในอนาคต

    และถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าจะเริ่มยังไงดี Hocco เรามีทีมที่ปรึกษาและวางแผนการตลาด โดยเน้นการวางแผนการตลาดที่ใช้ข้อมูลเพื่อให้การตัดสินใจมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น เราพร้อมคอยให้คำปรึกษา นำเสนอ IT Solution ที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณ นอกจากนี้เรายังมีบริการ สร้างเว็บ รับเขียนโปรแกรม และสร้างแอปพลิเคชั่น ที่จะช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้สามารถทำยอดขายและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น สนใจติดต่อได้ที่ E-mail : hello@hocco.co หรือโทร. 064-6166426, 084-7332417

    MORE ARTICLES

    0 Comment