×

START A PROJECT

We are here to build a high-quality extension for brands to serve your consumers.

    By HOCCO - 02 พฤษภาคม 2024

    Sale Page คืออะไร ทำเซลเพจยังไงให้ขายดี ควรจ้างที่ไหนทำ?


    หากในปัจจุบันคุณกำลังทำธุรกิจออนไลน์ หรือมีเว็บไซต์ E-Commerce ที่ต้องการให้มีความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้า หรือเพื่อขายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ ดังนั้น เจ้าของธุรกิจจึงต้องหาวิธีต่างๆ ให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายเข้ามาที่เว็บไซต์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด โดย Sale Page ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการขายชั้นเยี่ยม ที่จะทำให้คนที่เข้ามาบนเว็บไซต์ของคุณตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถปิดการขายได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

    แล้ว Sale Page คืออะไร แบบไหนที่จะทำให้ถูกใจลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าสนใจซื้อของ? วันนี้ผมได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ให้อ่านกันแล้วที่นี่ครับ

    ทำความรู้กับ Sale Page (เซลเพจ) คือ

    ความหมายของ Sale Page (เซลเพจ) หรือ สะกดให้ถูกตามหลักภาษา Sales Pages คือ “หน้าการขาย” เว็บเซลเพจเป็นหน้าเว็บไซต์แบบ Standalone (สแตนด์อโลน) หรือ “เว็บไซต์หน้าเดียว” แบบที่เข้าใจง่ายก็ คือเว็บไซต์ที่แสดงสินค้าแบบหน้าเดียว เป็นหน้าที่เอาไว้กระตุ้นการขายสินค้าโดยเฉพาะ ปิดการขายได้ในหน้าเดียว

    ภายใน Sale Page จะมีข้อมูลต่าง ๆ ของสินค้าอยู่ภายในหน้าเดียว เช่น รายละเอียดสินค้า, ราคาสินค้า, รูปภาพ, วิดีโอ, รีวิวจากลูกค้า, โปรโมชัน และมีปุ่มกดไว้สำหรับกระตุ้นให้ลูกค้าทำอะไรบางอย่าง (Call to Action) ตามที่ร้านค้าตั้งค่าไว้ เช่น ติดต่อร้านค้า, ปุ่มกดสั่งซื้อ, กดปุ่มเพื่อลิงก์ไปที่ Facebook Page ร้านค้า, Line Official Account หรือหน้าตะกร้าสินค้าบนเว็บร้านค้าออนไลน์ของเรานั่นเอง และส่วนมาก Sale Page จะรองรับการใช้งานบนมือถือหรือแท็บเล็ตได้อีกด้วย

    การทำ Sale Page ดียังไง?

      1. มีข้อมูลที่ละเอียดและนำเสนอสินค้าจบได้ในหน้าเดียว

    Sale Page คือหน้าเว็บเพจสำหรับกระตุ้นการขายสินค้า ไม่เพียงแค่บอกราคาและรุ่นของสินค้าเท่านั้น แต่ยังสามารถเล่าถึงคุณประโยชน์ของสินค้าได้อย่างครบถ้วนในหน้าเดียว ตั้งแต่ชื่อสินค้า รีวิวจากผู้ใช้งาน โปรโมชันพิเศษ และปุ่มสมัครหรือซื้อสินค้า

      2. เพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น

    จากการใส่ปุ่มคลิกต่างๆ (Call to Action) เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าสั่งซื้อได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกดสั่งซื้อสินค้า, Buy Now, เพิ่มลงรถเข็น หรือปุ่มลงทะเบียน สมัครสมาชิก ติดต่อเพิ่มเติม ในกรณีที่แบรนด์ธุรกิจต้องการนำข้อมูลส่วนตัวที่ลูกค้ากรอกไว้ นำไปต่อยอดสู่การปิดการขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่อไป

      3. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ใช้ต้นทุนค่อนข้างต่ำ

    การทำ Sale Page นั้น มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ แถมยังมีเว็บไซต์ Sale Page สำเร็จรูปฟรี เลือกมาใช้ให้เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ของตัวคุณเอง หรือถ้าจะต้องเสียเงินในการทำ Sale Page ยังเสียเงินน้อยกว่า ที่จะต้องมีหน้าร้านแบบออฟไลน์ เพราะจะต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่และค่าจ้างพนักงานมาอยู่หน้าร้าน แต่ถ้ามีหน้าร้านแบบออนไลน์แบบนี้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้มากทีเดียว

      4. หน้าต่างเว็บไซต์สวยงามถึงแม้จะแสดงผลบนมือถือ

    Sale Page เหมาะกับพฤติกรรมการช้อปสินค้าของผู้บริโภคในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แสดงผลได้อย่างสวยงามบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต เข้าถึงตัวลูกค้าที่สนใจสินค้าของคุณอย่างแท้จริงและกระตุ้นให้ปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว

    Sale Page เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ประเภทไหนบ้าง

    Sale Page เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ทุกรูปแบบ เพราะในหน้า Sale Page คุณจะสามารถใส่รายละเอียดของสินค้าและบริการ ที่คุณต้องการจะขายได้อย่างครบถ้วน อธิบายได้จบภายในเว็บไซต์หน้าเดียว ยิ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า และทางร้านค้าเองก็สามารถปรับเปลี่ยนหน้าเพจให้เป็นไปตามที่ต้องการ หรือให้เหมาะกับประเภทธุรกิจที่ทำได้ แถมยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อย ๆ ซึ่งการมี Sale Page จะเหมาะมาก ๆ กับธุรกิจออนไลน์ที่กำลังต้องการโปรโมทสินค้า มีการจัดโปรโมชันให้กับสินค้าที่ต้องการกระตุ้นยอดขาย


    7 เคล็ดลับ ทำ Sale Page ให้กลุ่มเป้าหมายถูกใจ

    ทำ Sale Page อย่างไรถึงจะทำให้เป็นตามแบบที่ลูกค้าให้ความสนใจ เข้าถึงได้ง่าย วันนี้ผมจึงมี 7 เคล็ดลับที่ทำ Sale Page ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำอย่างไรให้ลูกค้าคลิก! เข้ามาสั่งซื้อสินค้ากับเรา มีดังนี้

      1. รู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด

    ก่อนจะเขียนหรือออกแบบภาพเชิญชวนใคร ต้องรู้ก่อนว่า ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายคือใคร เขาต้องการสินค้าหรือบริการอะไรและเป็นแบบไหน หรือเขาไม่ชอบอะไร ยิ่งรู้จักกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไหร่ Sale Page ที่ทำจะยิ่งแข็งแรง ดูดึงดูด ชนะใจกลุ่มลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น

      2. ข้อมูลสินค้าต้องครบถ้วน

    เพราะ Sale Page คือหน้าสำหรับการขายสินค้า สิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของธุรกิจของคุณ จำเป็นต้องใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าอ่านได้ในหน้าเดียวแล้วสามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการได้เลย ซึ่งเทคนิคการเล่าเรื่องราวของคุณอาจจะยกถึงปัญหาของลูกค้าขึ้นมาเป็นตัวชูโรง จากนั้นค่อยยกประโยชน์ของสินค้าหรือบริการของคุณขึ้นมาเล่าว่า สินค้าของคุณตอบโจทย์และสามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าของคุณได้อย่างไรบ้าง ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่ต้องมีบน Sale Page คือ รายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ

      3. สร้าง Sale Page สวย ๆ

    ควรออกแบบ Sale Page ให้มีลูกเล่น สีสันสดใส ช่วยสร้างแรงดึงดูด ทำให้น่าอ่านมากยิ่งขึ้น การออกแบบกราฟิกเป็นอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ เพราะถ้ามีหน้า Sale Page สวย ๆ ก็จะช่วยทำให้ลูกค้าสะดุดตา

      4. ใช้ภาษาเข้าใจง่าย

    สำหรับการเขียนคำโฆษณา การเขียนบทความ ข้อความประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่ใช้กันทั่วไป คือ การทำให้สามารถอ่านและเข้าใจได้ง่าย หรืออีกแง่หมายความว่า แค่สแกนสายตาหรือกวาดสายตาแล้วสามารถอ่านจับใจความได้ ทริคการเขียน Sale Page ให้ปัง ดูน่าสนใจ มีดังนี้

     ● มีประโยคหลักฮุกคนอ่านให้สนใจ

     ● มีหัวข้อย่อย

     ● มีรูปแบบทั้งประโยคสั้นและยาวผสมกัน

     ● มีย่อหน้า และมี bullet point

     ● มีประโยคเด็ด ๆ คำคม ๆ หรือชวนจำ (Quote)

     ● ใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย และเลือกขนาดที่ใหญ่พอดี (Google แนะนำขนาดขั้นต่ำ คือ 16 pt)

      5. สร้างโปรโมชันที่น่าสนใจ

    ถ้าโปรโมชันดี ลูกค้าก็อยากจะซื้อ แต่ถ้าคุณเขียนโปรโมชันไม่ชัดเจน ไม่น่าสนใจ ลูกค้าไม่เข้าใจ พวกเขาอาจจะไม่เสียเวลาถอดรหัสความหมายข้อเสนอของคุณ และหา Sale Page ของบริษัทอื่นที่บอกข้อเสนอที่เข้าใจง่ายกว่า

      6 . ใส่รูปภาพและวิดีโอ

    การเขียนอย่างเดียวโดยไม่มีภาพเลย Sale Page ก็อาจจะดูจืดชืดเกินไป หรือลูกค้าไม่เห็นภาพสินค้าหรือบริการดีเท่าที่ควร Sale Page ที่ดีควรมีภาพประกอบด้วย ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ภาพหรือวิดีโอแสดงถึงคนจริงๆ ผลิตภัณฑ์จริง บริษัทจริง ทีมงานจริง ช่วยให้หน้าเว็บเซลเพจ มีเอกลักษณ์และดูน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น

      7. ควรมีจุด Call to Action ไว้ในหลายที่

    หน้าเพจ Sale Page ควรต้องมีปุ่ม Call to Action (CTA) ซึ่งเป็นปุ่มที่ให้ลูกค้าสามารถคลิกเข้าไปอ่านบนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ หรืออาจจะเป็นปุ่มที่เข้าสู่หน้าเว็บไซต์หลักของร้านค้า ซึ่งการจะใส่ Call to Action ควรจะเขียนให้คนที่อ่านแล้วรู้สึกอยากจะคลิกปุ่มนั้น

    ประเภทของ Sale Page

    สามารถแบ่ง Sale Page ออกเป็น 2 ประเภท ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนี้

    Sale Page แบบสั้น หน้าการขายที่มีเนื้อหาไม่หนาแน่น มีความยาวหน้ามากน้อยแค่ไหนก็ได้ มักถูกใช้สำหรับการขายสินค้าที่มีราคาถูกและไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เพื่อโน้มน้าวการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมาย เช่น เสื้อผ้า หนังสือ หรือภาพยนตร์

    Sale Page แบบยาว หน้าการขายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หนาแน่นคล้ายกับหน้าเว็บไซต์ เพื่อสร้างการรับรู้และตัดสินใจซื้อ เหมาะกับสินค้าที่มีราคาสูงและมีรายละเอียดจำนวนมาก เช่น สมาร์ทโฟน เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออสังหาริมทรัพย์

    Sale Page vs Home Page vs Landing Page แตกต่างกันยังไง ?

    หลายคนอาจต้องการเลือกหน้าเว็บไซต์เพื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจ แต่ไม่รู้ว่า Sale Page, Home Page และ Landing Page มีความแตกต่างกันอย่างไร นี่คือลักษณะและจุดประสงค์

    ● Sale Page หน้าเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการขายสินค้า รวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้าทั้งหมดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นยอดขาย รักษายอดขาย และปิดการขายสินค้าหรือบริการ

    ● Home Page หน้าแรกของเว็บไซต์ที่กลุ่มลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมและเชื่อมต่อไปยังหน้าอื่น ๆ โดยรวบรวมข้อมูลแบบคร่าว ๆ เช่น ข้อมูลบริษัทหรือสินค้าที่โดดเด่น เป็นหน้าเว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนบริเวณต้อนรับ

    ● Landing Page หน้าเว็บไซต์ที่อธิบายถึงสินค้าหรือบริการ มีวัตถุประสงค์เพื่อโฆษณาสินค้า ให้ข้อมูล รวบรวมข้อมูล หรือสร้างโอกาสการขาย

    เลือกจ้างทำ Sale Page เจ้าไหนดี

    สรุปแล้ว Sale Page คือหนึ่งในตัวช่วยในการปิดการขายที่สะดวก ประหยัด รวดเร็วและได้ผลดีเลยทีเดียว เพราะเป็นเพียงเว็บไซต์ที่แสดงสินค้า บริการ หรือโปรโมชันต่าง ๆ แบบหน้าเดียว ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นข้อมูลทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น และเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างง่าย

    แต่สำหรับผู้ที่สนใจต้องการทำ Sale Page บริษัท Hocco ของเราเป็นบริษัทที่รับเขียนโปรแกรม ออกแบบเว็บไซต์ และพัฒนาเว็บไซต์โดยเฉพาะ รวมทั้งยังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์และทำความเข้าใจธุรกิจ ตลอดจนการวางแผน ออกแบบ และปรับแต่งเว็บไซต์ หน้าเพจให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ พร้อมทั้งทีมงาน Support ที่จะช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้สามารถทำยอดขายและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ hello@hocco.co หรือ โทร. 064-616-6426 , 084-733-2417

    0 Comment