system integration คืออะไร ทำไมธุรกิจขนส่งถึงควรมี ที่นี่มีคำตอบ

เคยสงสัยกันไหมครับว่าความล้ำสมัยคือสิ่งที่สำคัญสุดในวงการอุตสาหกรรมจริงไหม แล้วถ้ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการผลิตสินค้า แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะสิ่งสำคัญมากกว่านั้นก็คือ ประสิทธิภาพการใช้งาน ทั้งระบบ AI, Automation และอื่น ๆ เพื่อลดบุคลากรลง ประหยัดต้นทุนในการผลิต และสามารถลดปัญหาเกี่ยวกับบุคลากรไปได้อย่างมาก ซึ่งเป็นผลให้ System Integration คือระบบที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในบทความจะมากล่าวถึง System Integration คืออะไร ทำหน้าที่อะไร บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ System Integration ว่ามีประโยชน์อะไรต่อธุรกิจของคุณได้บ้าง ไปดูกันได้เลยครับ

ทำความรู้จักกับ System Integration คืออะไร

SI ย่อมาจาก System Integration โดยเป็นการรวมกันของคำว่า System ที่แปลว่า ระบบ กับคำว่า Integration ที่แปลว่า การรวบรวมหรือบูรณาการ และเมื่อนำคำทั้ง 2 คำนี้มารวมกันเป็น System Integration คือ ระบบการจัดการแบบบูรณาการ

ดังนั้น System Integration คือระบบที่ทำการประเมินและแก้ไขปัญหาเทคโนโลยีบางส่วนในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเชื่อมโยงระหว่างระบบ และเทคโนโลยีเดิมเข้าด้วยกัน หรือติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพในการผลิตมากยิ่งขึ้น ซึ่งในงานด้านการส่งพัสดุนั้นถูกนำมาใช้คัดแยกสินค้าให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถระบุจำนวนสินค้า ประเภท น้ำหนัก และเป้าหมายปลายทางที่จะส่ง ได้อย่างละเอียดที่สุด พัสดุนั้นจะถูกคัดแยกบนสายพานสินค้า โดยใช้ QR Code หรือเลขพัสดุที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นทำการช่างน้ำหนัก และวัดขนาดของพัสดุเพื่อจัดส่งไปยังรถส่งพัสดุแต่ละคันได้อย่างเท่าเทียมกัน เมื่อได้จำนวนตามที่ต้องการแล้วก็จะนำส่งไปยังขนส่งปลายทางต่อไป

นอกจากนี้ system integration มีบทบาทสำคัญในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ AI และระบบอัตโนมัติที่ต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์น้อยลง เพิ่มประสิทธิภาพและความละเอียด เครื่องจักรที่ใช้งานจำนวนมากจะทำให้งานละเอียดขึ้น ควบคุมด้วยมนุษย์น้อยลง การสร้างโครงสร้างการผลิตทางวิศวกรรมสำหรับทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

System Integration มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

การทำ System Integration มีประโยชน์ต่อธุรกิจอยู่ 3 เรื่องหลัก ดังนี้

 1. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จากการวางแผนระบบการจัดการสำหรับโรงงานอย่างเป็นระบบ ว่าจะผลิตสินค้าอย่างไรให้ออกมาได้มาตรฐาน และลดความผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุดไปจนเหลือเป็นศูนย์

 2. ลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากโรงงานใช้ระบบ Automation ที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนเป็นหลัก และเครื่องจักรบางตัวมีราคาสูง ทำให้ต้องมีการประเมินการผลิตเบื้องต้นก่อนที่จะวางระบบ จึงทำให้ได้การผลิตที่คุ้มค่ากับโรงงานนั้น ๆ โดยไม่ใช้ต้นทุนที่สูงเกินไป

 3. ประหยัดเวลา การวางระบบที่มีคุณภาพจะช่วยทำให้แผนผังการผลิตในโรงงานสามารถขยับได้เต็มที่ ลื่นไหล และยืดหยุ่น ส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากประโยชน์หลัก 3 ข้อที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีก ยกตัวอย่างเช่น

● System Integration ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุง

เนื่องจากระบบ System Integration คือการบูรณาการระบบหลาย ๆ ระบบเข้าด้วยกัน ดังนั้น เมื่อมีสิ่งใดหรือส่วนใดเกิดการชำรุดเสียหาย ค่าการแสดงผลบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไป ทำให้รับ System Integration รับรู้ และประมาณผลได้ว่าส่วนใดมีปัญหา รวมไปถึงอาจจะรู้ด้วยว่าอุปกรณ์ใดชำรุด ต้องซ่อมบำรุงอย่างไร ทำให้สะดวกแก่ผู้ใช้งานหรือผู้ทำการซ่อมบำรุงเป็นอย่างมาก

● System Integration ช่วยกระตุ้นให้มนุษย์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น

ระบบ System Integration เป็นระบบที่ออกแบบมีเพื่อการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำ ๆ อย่างเฉพาะเจาะจง ดังนั้นการทำงานทุกขั้นตอนจึงต้องมีการวางแผน ศึกษากระบวนการอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะนำทดลอง แล้วใช้จริงต่อไป

4 วิธีทำ System Integration ให้ประสบความสำเร็จ

ขั้นตอนในการทำ System Integration จะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ว่ามีความต้องการอย่างไร ซึ่งระบบของแต่ละบริษัทต่างมีขั้นตอนการทำงานที่แตกต่างกันไป แต่หน้าที่หลัก ๆ ของ System Integrator คือเริ่มจาก

 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยทีม System Integrator จะเริ่มต้นด้วยการเข้าใจวัตถุประสงค์การพัฒนาระบบขององค์กร ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความต้องการและการใช้งานของระบบได้ถูกต้องและครบถ้วนที่สุด การสอบถามและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาหรือแนวคิดในการพัฒนาระบบจะช่วยให้ทีม System Integrator มีข้อมูลพื้นฐานเพียงพอในการออกแบบและพัฒนาระบบให้ตรงตามความต้องการขององค์กร

 2. การออกแบบระบบ หลังจากทีม System Integrator รวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจวัตถุประสงค์การพัฒนาระบบขององค์กรแล้ว จะเริ่มต้นออกแบบระบบโดยพิจารณาว่าเทคโนโลยีใดที่เหมาะสมกับการใช้งานขององค์กร และกำหนดแผนการสร้างระบบที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความต้องการขององค์กร เป้าหมายของการออกแบบระบบคือการสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพและสามารถทำงานได้สอดคล้องกับแนวคิดที่องค์กรต้องการ การใช้งานและการบำรุงรักษาระบบจะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

3. การตรวจสอบระบบ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หากไม่มีการตรวจสอบและสร้างระบบอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดความผิดพลาดหรือความไม่สมบูรณ์ในการทำงานของระบบได้

4. การสร้างระบบ ทำระบบการทำงานแบบจำลองและระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกันขึ้นมา เพื่อทดสอบการทำงานก่อนการนำไปใช้งานจริงในภายหลัง กรณีองค์กรขนาดใหญ่ที่อาจมีระบบเหมือนกันกับระบบที่เราจำลองขึ้นมาก็สามารถนำมาปรับใช้กับองค์กรได้ทันทีเช่นกัน

การทำ System Integration เหมาะกับธุรกิจแบบใด

การนำระบบ Sytem Integration มาใช้นั้น สามารถใช้ได้กับทุก ๆ โรงงาน หรือทุก ๆ อุตสาหกรรม ซึ่งจะทำงานแตกต่างกันไปในแต่ละโรงงาน เช่น โรงงานเกี่ยวกับอาหารจะเน้นในระบบลำเลียง กับระบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบเป็นต้น

ด้วยระบบ System Integration ถูกออกแบบมาให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุนการผลิตในเวลาเท่าเดิม จึงเหมาะสมที่สุดในบริษัทที่มีการทำงานที่หลากหลาย ต้องการความรัดกุม และประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงมีต้นทุนในการบริหารจัดการทรัพยากรโรงงานระดับหนึ่ง เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ ในอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

สรุป

อย่างไรก็ตาม System Integration ยังมีบทบาทสำคัญต่อหลากหลายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นโรงงานการผลิตสินค้า และระบบการคัดกรองสินค้าของธุรกิจขนส่งเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในระบบการผลิต เป็นระบบที่ใช้มนุษย์ให้น้อยลง และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มากขึ้น สำหรับระบบขนส่งสินค้าคาดว่าจะถูกพัฒนาให้มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้นในอนาคต สามารถคัดแยกพัสดุได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถทำรายการขนส่งได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม นี่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์เราเลยทีเดียว

อ้างอิง

https://www.youredi.com/blog/what-is-system-integration

https://www.techtarget.com/searchcustomerexperience/definition/integration

https://em360tech.com/tech-article/system-integration