ในยุคที่การเติบโตของเทคโนโลยีเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างเช่นทุกวันนี้ ธุรกิจทุกแขนงต่างต้องปรับตัวเพื่อสอดรับกับวิวัฒนาการณ์ด้านการใช้เทคโนโลยีของผู้คน เมื่อธุรกิจแทบจะทั้งหมดเริ่มก้าวขึ้นไปอยู่บนโลกออนไลน์ทั้งอย่างเต็มรูปแบบหรืออาจจะเพิ่งเริ่มโลดแล่นอยู่บนนั้นเพียงไม่กี่ก้าว แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ประกอบธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นลำดับแรกทั้งในแง่การประชาสัมพันธ์รวมถึงการซื้อขายแลกเปลี่ยน และจากที่ได้กล่าวมาข้างต้น ก็ทำการเกิดขึ้นของธุรกิจที่เรียกว่าเกิดมาเพื่อซัพพอร์ตโซลูชันที่ช่วยสร้างธุรกิจคุณให้เป็นจริงนั่นก็คือ Software House หรือบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์นั่นเอง
Software House คืออะไร?
คือบริษัทที่รับจัดทำและพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะด้านหรือธุรกิจนั้น ๆ เป็นบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และ ไอที โซลูชัน ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ หรืออาจจะอธิบายง่าย ๆ นั่นก็คือเมื่อเวลาที่เจ้าของธุรกิจที่ต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือสร้างแอปพลิเคชันบนมือถือ และโซลูชันด้านไอที แบบครบวงจร (Full-stack) อาจจะเริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษาไปจนถึงการ Maintenance เลยทีเดียว
แม้หลายคนจะบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ คือการจ้างบริษัท Software House ไปให้จบ ๆ เสีย แต่การเลือกบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดนั้นเป็นงานที่ยากพอสมควร ซึ่งควรมีการดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์และเจรจาต่อรองกันให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันอันตรายด้านด้านต่าง ๆ และจะต้องกำหนดเกณฑ์การเลือกที่แม่นยำเมื่อต้องการเริ่มที่เลือกสรรหาการว่าจ้างบริษัท Software House ด้วย
คงจะไม่มีใครร่วมมือกับบริษัท Software House โดยไม่ได้ทำการวิจัยอย่างละเอียดเกี่ยวกับบริการ และพอร์ตโฟลิโอสะสมผลงานของบริษัท รวมถึงข้อมูลอ้างอิงของบริษัทด้วย นอกจากนี้รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านปัจจัยต่าง ๆ เช่น การสื่อสาร วัฒนธรรมองค์กรณ์ ความคล่องตัว และแบรนด์ที่เคยทำงานด้วยก็ควรจะหาข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติมด้วย ซึ่งคำแนะนำพื้นฐานในการเลือก Software House ทั้งหมดที่จะเขียนถึงในลำดับถัดไปมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จและจะสามารถช่วยเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถในด้านต่าง ๆ ในลักษณะที่ถูกต้องและตรงกับความต้องการของเราอย่างแน่นอน
ด้านการสื่อสารที่ดี
เมื่อเรากำลังมองหาพันธมิตรด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เชื่อถือได้ก็มักจะมองหาและพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดของบริษัท วิธีการกำหนดราคา ความสามารถ และอื่น ๆ ซึ่งเรื่องการสื่อสารไม่ค่อยถูกกล่าวถึงว่าเป็นองค์ประกอบหลัก ทั้งที่อันที่จริงแล้วเกณฑ์เรื่องการสื่อสารนี้ควรถูกเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการโดยรวมที่มาจากการสื่อสารที่ตรงกันเป็นหลัก
การสื่อสารที่ไม่เพียงพออาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ทั้งการขาดความสามารถทางภาษาในกรณีที่องค์กรใช้คนละภาษาในการทำงาน ความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างบริษัท และอื่น ๆ ซึ่งเราต้องพิจารณ์องค์กรที่มีทีมที่เชี่ยวชาญในการทุกงานทุกด้านเป็นอย่างดีเยี่ยม และมีทักษะการสื่อสารที่ดีทั้งขั้นตอนการรับข้อมูลความต้องการของลูกค้าหรือรับ Requirment และการสื่อสารที่ต่อดีกันและกันภายในทีมซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำงานเป็นอย่างมาก
ราคาที่ตรงใจ
แม้ว่าต้นทุนจะไม่ใช่เกณฑ์แรกที่ควรพิจารณาแต่ก็มีส่วนสำคัญในกระบวนการตัดสินใจ ไม่มีใครอยากซื้อบริการที่ถูกที่สุดแต่คุณภาพย่ำแย่ถูกไหมครับ แทบทุกคนต้องการบริการที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินงบประมาณ ดังนั้นการตรวจสอบให้แน่ใจและรู้ว่าขอบเขตของโปรเจกต์คืออะไรและวัตถุประสงค์คืออะไร ก็จะสามารถปรึกษาหารือกับบริษัท Software House ถึงสิ่งที่คุณต้องการและการตกลงกันเรื่องราคาที่ตรงความต้องการของทั้งสองฝ่าย
ความเชี่ยวชาญเป็นเลิศ
บริษัทต่าง ๆ มักใช้จะความพยายามอย่างมากในการค้นหาบริษัท Software House ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้นสิ่งนี้จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องตรองดูให้ดีว่าเราต้องการคนเชี่ยวชาญแบบไหนเข้ามาทำโปรเจคนี้ให้ สมมติว่าเรา ต้องการ Java engineers ที่มีความสามารถในการจัดการกับ microservices ให้กับทีมในองค์กร โดยไม่คำนึงถึงเกณฑ์อื่น ๆ เพิ่มเติมก็อาจจะต้องเลือกซัพพลายเออร์ที่สามารถในระดับนี้นั่นแปลว่าเมื่อเรารู้ว่ากำลังค้นหาและต้องการคนหรือองค์กรที่มีทักษะแบบไหน ก็ควรจำกัดตัวเลือกให้แคบลงสำหรับใช้ในการกรองซัพพลายเออร์ Software House ที่มีประวัติความสำเร็จและความเชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ ซึ่งการใช้ประสบการณ์ของคนนอกองค์กรมันอาจจะคุ้มค่ากว่าการได้มาซึ่งความเชี่ยวชาญทั้งหมดที่ต้องการภายในองค์กรของเราเอง
มีประสบการณ์ตรงตามความต้องการ
ก่อนเริ่มความร่วมมือกับ Software House บางราย ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัทมีการทำงานในลักษณะที่เทียบเคียงได้กับธุรกิจของเรา แน่นอนว่าหากมีประสบการณ์และความสามารถที่ไม่ตรงยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่สร้าง fintech solutions และเชี่ยวชาญด้าน insurtech, crowdfunding และ peer-to-peer Lending นั้นคงจะไม่มีคุณสมบัติที่จะให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านยานยนต์ได้เทียบเคียงกับบริษัทที่มีประสบการณ์ตรง หรือแม้แต่หากตัดสินใจจะร่วมมือกับ Software House ที่ไม่เคยทำงานในรูปแบบ Remote มาก่อน แต่องค์กรของเราเข้าใจการทำงานแบบนี้และทำได้อย่างราบรื่น ก็อาจจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงประสบการณ์ในรูปแบบของการทำงานด้วย
ความคล่องตัวในการทำงาน
Agile development methods ในปัจจุบันจำเป็นต้องมีความรู้สำหรับธุรกิจ Software House ทุกแห่ง เราต้องเน้นถึงความจำเป็นในส่วนนี้ ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริษัท Software House ที่เราเลือกนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้มากพอที่จะปรับตัวเมื่อบริษัทได้ทำการว่าจ้าง สิ่งนี้จะครอบคลุมปัจจัยหลายประการ รวมถึงความสามารถในการเติบโต การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ความพร้อมใช้งานของโครงสร้างราคาต่าง ๆ การยอมรับความรู้ เป็นต้น
ความเข้ากันได้ในเชิงของวัฒนธรรมองค์กร
ค่านิยมในการทำงานและวัฒนธรรมทางธุรกิจที่แตกต่างกัน มีความสามารถที่จะทำลายหรือกีดกันคุณภาพของงานในย่ำแย่ลงพอสมควร อาจะทำให้ขัดขวางการทำงานที่ดีร่วมกัน ซึ่งนั่นจะทำให้โปรเจกต์ล่าช้าและผลลัพท์ในแง่ของคุณภาพงานที่อาจจะไม่ดีมากพอ ซึ่งหากต้องการความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จกับ Software House ก็อาจจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนิสัยใจคอทางวัฒนธรรมและหลักการทางธุรกิจของบริษัทนั้น ๆ รวมถึงอธิบายถึงวัฒนธรรมองค์กรของเราเองที่อาจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายที่จะทำงานร่วมกันเข้าใจตรงกันบ้างไม่มากก็น้อย
และถ้าอยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับบริษัท Software House ก็จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัฒนธรรมของของเรามีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้างหรือเปล่า หรือว่ามีส่วนที่ยอมรับได้หรือไม่ได้อย่างไร ซึ่งหากความเห็นในแง่ของวัฒนธรรมการทำงานที่ไม่ตรงกันสิ่งนี้มักจะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความคาดหวังที่ผิดหวังอีกด้วย
เรื่องราวพื้นฐานทั้งหมดที่บอกเล่าไปทั้งหมดนี้ทั้งในด้านบุคลากร ความรู้ และขั้นตอนการทำงาน สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทที่ยอดเยี่ยมมีความแตกต่างจากบริษัททั่ว ๆ ไป การเรียนรู้วิธีที่จะลดความเสี่ยง มองหาโอกาส และเลือกพันธมิตรที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงอย่างมากในการที่จะเลือก Software House ให้ตอบโจทย์ธุรกิจของเราเอง หวังว่าบทความนี้จะสามารถนำคุณค่ามาสู่ธุรกิจและการตัดสินใจของผู้อ่านได้
0 Comment