ในปัจจุบันเรียกได้ว่าทุกธุรกิจต่างหันมาให้ความสำคัญกับDigital Transformation และ Digital Marketing ทำให้เกิด โปรแกรม ระบบหน้าบ้าน-หลังบ้าน เว็บไซต์และแอปพลิเคชันขึ้นมามากมาย หลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้พนักงานทุกคนภายในองค์กรทำงานได้ง่ายและแม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายกว่าสมัยก่อนหลายร้อยเท่า และนี้คือปัจจัยที่ทำให้ Full Stack Developer กลายเป็นตำแหน่งสำคัญต่อองค์กรและธุรกิจ
บทความนี้ผมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักว่าจริง ๆ แล้ว ตำแหน่ง Full Stack Developer คือใคร มีหน้าที่ทำอะไร และสามารถช่วยขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยดีกว่า
ตำแหน่ง Full Stack Developer คือใคร
Full Stack Developer คือ นักพัฒนาโปรแกรม เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน ที่มีความสามารถพัฒนาได้ทั้งในส่วนของ Front End (ระบบหน้าบ้าน) และ Back End (ระบบหลังบ้าน) ทำให้ตำแหน่ง Full Stack Developer จำเป็นที่จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องของการเขียนโค้ด ภาษาคอมพิวเตอร์ และต้องมีความสามารถในการวางแผนออกแบบ ติดตั้ง ควบคุม และดูแลรักษาระบบฐานข้อมูล นอกจากนี้ยังจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ฟังที่ดีและสื่อสารได้อย่างยอดเยี่ยม เพื่อให้งานทุกอย่างออกมาราบรื่น และตรงกับความต้องการของลูกค้า
ทักษะที่ Full Stack Developer ที่ต้องมี
Full Stack Developer ที่ดีต้องมีความเชี่ยวชาญในหลายด้านทั้ง Front End และ Back End รวมไปถึงทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล การจัดการระบบฐานข้อมูล (Database) และ DevOps เพื่อพัฒนาและวางระบบต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจร โดยทักษะหลัก ๆ ที่ Full Stack Developer จำเป็นต้องมี คือ
1. ทักษะด้าน Front End
● HTML/CSS: ความสามารถในการออกแบบและจัดการโครงสร้างหน้าเว็บ และการจัดรูปแบบให้สวยงาม
● JavaScript: ภาษาโปรแกรมหลักในการสร้างฟังก์ชันการทำงานบนฝั่งผู้ใช้ (Client-side)
● Frameworks/Library: ควรคุ้นเคยกับ Front-end Framework เช่น React, Angular, Vue.js เพื่อช่วยในการพัฒนา User Interface อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ทักษะด้าน Back End
● Server-side Languages: ความรู้ในภาษาโปรแกรม เช่น Node.js, Python, Ruby, Java, PHP เพื่อพัฒนาฟังก์ชันบนฝั่งเซิร์ฟเวอร์
● Frameworks: ควรคุ้นเคยกับ Framework สำหรับการพัฒนา Back-end เช่น Express (สำหรับ Node.js), Django (สำหรับ Python), Ruby on Rails
● API Development: ทักษะในการสร้าง RESTful API หรือ GraphQL สำหรับการเชื่อมต่อระหว่าง Front-end และ Back-end
3. การจัดการฐานข้อมูล
● ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (SQL): เช่น MySQL, PostgreSQL, Oracle
● ฐานข้อมูลแบบ NoSQL: เช่น MongoDB, Firebase
4. Version Control (Git):
● ทักษะการใช้งาน Git และแพลตฟอร์มอย่าง GitHub หรือ GitLab ในการจัดการและติดตามการเปลี่ยนแปลงของโค้ด
5. ทักษะ DevOps และการ Deployment
● การจัดการเซิร์ฟเวอร์และการ Deploy: มีความรู้เกี่ยวกับ Cloud Platforms เช่น AWS, Google Cloud, Microsoft Azure
● Containerization (Docker, Kubernetes): ทักษะการใช้ Docker และ Kubernetes สำหรับการจัดการ Container และการปรับขนาดแอปพลิเคชัน
● CI/CD: การตั้งค่า Continuous Integration/Continuous Deployment เพื่ออัปเดตแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่อง
6. ทักษะอื่น ๆ
● Problem Solving: ความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการพัฒนา
● UX/UI: ความเข้าใจในประสบการณ์ผู้ใช้และการออกแบบอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
● Testing: ความรู้เกี่ยวกับการทดสอบอัตโนมัติ (Automation Testing) เช่น Unit Testing, Integration Testing, Software tester
ทำไม Full Stack Developer จึงกลายเป็นตำแหน่งที่หลายองค์กรต้องการ
หลังจากที่เข้าใจแล้วว่าตำแหน่ง Full Stack Developer คืออะไร หลายคนอาจจะเกิดคำถามต่อว่า ทำไม Full Stack Developer ถึงกลายเป็นตำแหน่งที่หลายองค์กรต้องการ ?
ด้วยความสามารถของ Full Stack Developer โดยเฉพาะความสามารถในการพัฒนาแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และโปรแกรม รวมไปถึงการแก้ไข Error ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ยังช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ทำให้บุคลากรภายในองค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยลดข้อผิดพลาด และต้นทุนที่เกิดจากงานผิดพลาด ด้วยโปรแกรมที่ Full Stack Developer พัฒนาขึ้นมา
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายบริษัทต้องการตำแหน่ง Full Stack Developer แต่การลงทุนจ้าง Full Stack Developer ต้องงบประมาณที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นบริษัท Software House อย่าง Hocco จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้องค์กรงบประมาณไม่เพียงพอ และไม่ต้องการต้องลงทุนสูง เพราะเรามีทีมงานที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาโปรแกรม ระบบหลังบ้าน ระบบหน้าบ้าน แอปพลิเคชัน และสร้างเว็บไซต์ไว้ให้คุณแล้ว สนใจ Outsource IT สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ E-mail : hello@hocco.co
Full Stack vs Front-End vs Back-End Developer ต่างกันยังไง ?
ทั้งสามตำแหน่ง ได้แก่ Full Stack Developer , Front End และ Back End มีความเชื่อมโยงกันและจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน โดยตำแหน่ง Front End จะดูแลรับผิดชอบในส่วนของการพัฒนาและออกแบบส่วนที่ผู้ใช้งานมองเห็นและตอบโต้ได้ (UX/UI) หรือที่เรียกว่า “ส่วนหน้าบ้านของเว็บไซต์” ในขณะที่ Back End คือผู้ที่พัฒนาการทำงานของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด เช่น การจัดการเซิร์ฟเวอร์ ระบบฐานข้อมูล และการเชื่อมต่อข้อมูล และ Full Stack Developer คือ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในส่วนของ Front End และ Back End สามารถพัฒนาโปรแกรม เว็บไซต์ และแอปพลิเคชันได้อย่างครบวงจรในตัวคนเดียว
อยากเป็น Full Stack Developer ต้องเรียนอะไร
การเป็น Full Stack Developer จำเป็นที่จะต้องมีความรู้และความสามารถที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนาส่วนหน้าบ้าน (Front-end) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานมองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์ด้วย และส่วนหลังบ้าน (Back-end) ที่ทำหน้าที่จัดการข้อมูลและตรรกะการทำงานของระบบ ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องเข้าใจเรื่องฐานข้อมูล (Databases) และกระบวนการนำแอปพลิเคชันขึ้นสู่การใช้งานจริง (Deployment) อีกด้วย
ถ้าหากคุณอยากเป็น Full Stack Developer ที่ดี จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะที่หลากหลาย โดยในส่วนของ Front-end นั้น พื้นฐานที่ขาดไม่ได้คือ HTML, CSS, และ JavaScript ซึ่งเป็นหัวใจในการสร้างโครงสร้าง, จัดสไตล์, และเพิ่มการโต้ตอบให้กับเว็บไซต์ หลังจากนั้น ควรเลือกเรียน Framework หรือ Library ของ JavaScript ยอดนิยม เช่น React, Vue.js, หรือ Angular เพื่อช่วยให้การพัฒนามีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมไปถึงการทำความเข้าใจหลักการ Responsive Design และ UI/UX ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แอปพลิเคชันของคุณน่าใช้งาน
ส่วนในด้าน Back-end จะต้องเลือกภาษาโปรแกรมอย่างน้อยหนึ่งภาษา พร้อม Framework ที่เกี่ยวข้อง เช่น Node.js (ร่วมกับ Express.js), Python (กับ Django/Flask), Java (กับ Spring Boot) หรือ PHP (กับ Laravel) นอกจากนี้ การสร้างและใช้งาน API เพื่อให้ Front-end และ Back-end สื่อสารกันได้ รวมถึงการจัดการระบบยืนยันตัวตนและการอนุญาตสิทธิ์ (Authentication & Authorization) ก็เป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ฐานเงินเดือนของ Full Stack Developer
ฐานเงินเดือนของ Full Stack Developer ในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงตามระดับประสบการณ์ ทักษะ และประเภทของบริษัทหรืออุตสาหกรรม โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
ระดับเริ่มต้น (Junior - ประสบการณ์ 0-2 ปี): ประมาณ 25,000 - 40,000 บาท ต่อเดือน
ระดับกลาง (Mid-level - ประสบการณ์ 2-5 ปี): ประมาณ 35,000 - 75,000 บาท ต่อเดือน
ระดับอาวุโส (Senior - ประสบการณ์ 5 ปีขึ้นไป): ประมาณ 60,000 - 120,000 บาท ต่อเดือน หรือสูงกว่านั้นสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงมากๆ และสามารถเป็นผู้นำทีมได้
สรุป
Full Stack Developer คือ นักพัฒนาโปรแกรม เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน ที่มีความสามารถครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Front End และ Back End ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างราบรื่น สำหรับองค์กรที่ต้องการนักพัฒนาโปรแกรม เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และซอฟต์แวร์ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรของคุณ Hocco เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์จากทุกธุรกิจ พร้อมคอยให้คำปรึกษา นำเสนอ IT Solutionที่เหมาะสมกับองค์กรของคุณ
นอกจากนี้เรายังมีบริการ รับทำเว็บไซต์ รับเขียนโปรแกรม และพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ สนใจติดต่อได้ที่ E-mail : hello@hocco.co หรือโทร. 064-6166426 , 084-7332417
0 Comment