ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ผู้คนหันไปใช้งานอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้นจนเปรียบเสมือนเป็นอีกโลกหนึ่ง จึงทำให้ในหลาย ๆ ภาคธุรกิจต้องปรับตัว เปลี่ยนมาทำการตลาดโดยผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพื่อเก็บข้อมูล Big Data ต่างๆ มาไว้ในมือ ทำให้การมีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่สวยงามพอใช้งานได้ อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะสิ่งที่จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยตัดสิน ว่าธุรกิจจะเดินทางไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ คือ ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน นั่นเอง
นั่นจึงส่งผลทำให้ UX/UI กลายเป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้ใช้งานได้ง่าย ไม่สับสนเส้นทาง และสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดีแบบไม่สะดุดตลอดการใช้งาน จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง บทความนี้ Hocco จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า UX/UI ให้กระจ่าง ว่ามันคืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร พร้อมกับอัปเดตเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์ในปี 2023 ว่าปีนี้เทรนด์เป็นแบบไหน
ทำความรู้จัก UX/UI คืออะไร สิ่งสำคัญในการออกแบบแอปพลิเคชันที่ขาดไม่ได้
หากจะบอกว่า UX/UI คืออะไรนั้น เราควรที่จะแยกย่อยพวกมันออกจากกัน และทำความรู้จักทีละส่วน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น UX (User Experience) และ UI (User Interface) โดยมีเนื้อหา ดังนี้
User Experience (UX)
UX หรือ User Experience คือ ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ในด้านความรู้สึกที่ตอบสนองต่อการใช้งานผลิตภัณฑ์ หรือระบบต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ความสะดวกสบาย ใช้งานง่าย ความสนุกสนาน จนเกิดเป็นความพึงพอใจสูงสุดหรือเกิดประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งานนั่นเอง
User Interface (UI)
UI หรือ User Interface คือ ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งาน หรือส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับผู้ใช้งาน กล่าวคือ ส่วนที่ให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ได้ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของหน้าตา การออกแบบ และการดีไซน์ ยกตัวอย่างเช่น หน้าจอ แพลตฟอร์ม เมนู ฟอร์มต่าง ๆ การวางภาพ ขนาดตัวอักษร ปุ่ม แป้นพิมพ์ เสียง หรือแม้แต่แสงไฟ เป็นต้น
อะไรคือความแตกต่างระหว่าง UX และ UI
โดยสรุปแล้ว ความแตกต่างของ UX/UI ก็คือ
- UX จะให้ความสำคัญกับอารมณ์และความรู้สึกของผู้ใช้- UI จะให้ความสำคัญกับความสวยงาม การติดต่อกับผู้ใช้ และข้อมูลทางด้านเทคนิคอื่น ๆ หรือก็คือ ส่วนที่ผู้ใช้มองเห็นและกระทำการบางอย่างกับมัน (Interface และ Interact)
ผู้เชี่ยวชาญอธิบายความแตกต่างระหว่าง UX และ UI ไว้อย่างไร
แน่นอนว่า ในเรื่องของประเด็นความแตกต่างของ UX/UI คืออะไรนั้น ก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาอธิบายสรุปในมุมมองของตัวเองอยู่หลายคน ยกตัวอย่างเช่น
- Ken Norton – Ex-Product Manager at Google
“UX มุ่งเน้นไปที่การใช้งานของผู้ใช้เพื่อแก้ปัญหา ส่วน UI มุ่งเน้นที่หน้าตาและการทำงานของผลิตภัณฑ์”
- Andy Budd – Co-founder of Clearleft, Founder of UX London
“นักออกแบบ UX สนใจเกี่ยวกับแนวคิดด้านกระบวนการออกแบบ โดยผู้ออกแบบ UI จะมุ่งเน้นองค์ประกอบที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น”
- Jason Ogle – Host and producer of User Defenders podcast, Designer at NCM
“UI คือสะพานที่ทำให้เราไปถึงที่ที่เราต้องการ UX คือความรู้สึกที่เราได้รับเมื่อเราไปถึง”
- Scott Jenson – Product Strategist at Google
“UI มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ ชุดของภาพรวมในช่วงเวลาหนึ่ง UX มุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้และการใช้งานผ่านผลิตภัณฑ์”
- Chinwe Obi – UX Researcher at UserTesting
“UX ครอบคลุมประสบการณ์ทั้งหมดที่บุคคลมีกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ในขณะที่ UI มีความเฉพาะเจาะจงกับวิธีการที่ผู้คนโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ”
อัปเดตเทรนด์ออกแบบเว็บไซต์ 2023 ปีนี้
1. Advanced Personalization
การออกแบบ UX/UI แบบ Personalized เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากในหลายแบรนด์ เพราะเป็นการสร้างหรือแนะนำคอนเทนต์ที่ตรงกับตัวผู้ใช้งานแต่ละคน จากการที่ AI เรียนรู้ข้อมูลที่พวกเขาเต็มใจและยินยอมให้แบรนด์มา เช่น วันเกิด, อาชีพ, สถานะ รวมถึงพฤติกรรมและความชอบของพวกเขาด้วย เช่น ประวัติการกดเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์, ประวัติการซื้อ เป็นต้น
โดยจุดประสงค์หลักของการสร้างคอนเทนต์แบบ Personalized จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าคอนเทนต์หรือสินค้าเหล่านั้นเกิดขึ้นมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ ยิ่งถ้าหากแบรนด์สามารถนำเสนอคอนเทนต์ได้ตรงกับตัวตนของผู้ใช้งานมากเท่าไร โอกาสที่พวกเขาจะเกิด Conversion ให้กับแบรนด์ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น
2. VUI (Voice User Interface)
VUI (Voice User Interface) คือ การสั่งการอุปกรณ์โดยใช้เสียง ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องแตะต้องตัวอุปกรณ์เลย ซึ่งสำหรับเทรนด์นี้เราอาจเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ดัง ๆ ระดับโลกอย่าง Apple Google หรือ Amazon ก็ได้ค่อย ๆ มีการพัฒนาระบบ VUI ใน Siri Google Assistant และ Alexa มาแล้ว แต่ว่าเทรนด์ VUI นี้ค่อย ๆ เป็นกระแสมากขึ้นกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์โรคระบาดขึ้น
3. 3D และ Immersive Experiences
การออกแบบด้วย 3D ไม่ใช่เทรนด์ใหม่เอี่ยมแต่อย่างใด แต่เป็นเทรนด์การออกแบบที่เรียกว่าสามารถดึงดูดผู้ใช้มาหลายปีแล้ว ทั้งบนเว็บไซต์และบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ แต่ในปี 2023 คาดว่าความสนใจของนักออกแบบทั้งองค์ประกอบที่เป็น 3D และ UI แบบ 3D ทั้งหมดจะมีกระแสความนิยมเพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีก
4. Motion และ Animation
เชื่อว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่จะต้องชอบการที่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมี Animation อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็น Motion ที่สามารถทำให้เรากับเว็บไซต์หรือแอปโต้ตอบกันได้ ซึ่งการเพิ่ม UX/UI แบบ Motion เข้าไปจะช่วยเพิ่มความโดดเด่น ความน่าสนใจ และสามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
5. Super Tech Landing Page
Super Tech Landing Page เป็นรูปแบบ Landing Page ที่มักจะแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยของธุรกิจ ดังนั้นธุรกิจที่ใช้ Super Tech Landing Page มักจะเป็น Tech Company เป็นส่วนใหญ่
การสร้าง UX/UI ใน Landing Page รูปแบบนี้เป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่และซับซ้อน เพราะมีการใช้ Animation 3D Layout เข้ามาผสานการทำงานด้วยกัน ใช้การออกแบบแสง สี ที่ดูวิบวับตระการตา เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งเรามักจะเห็นในธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยอยู่เสมอ ๆ
6. Physicality and Realistic Textures
เทรนด์นี้ค่อนข้างเป็นเทรนด์ที่พยายามจะตีตัวออกห่างจากเทรนด์ Flat Design ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 2012 พอสมควร ซึ่งเราอาจจะคุ้นเคยกันว่า Flat Design มักจะมาควบคู่กับการดีไซน์แบบ Minimalist เน้นความเรียบง่าย แต่ปัจจุบันดีไซเนอร์บางคนไม่ได้ต้องการแค่ความเรียบง่าย อย่างการใช้เพียงกราฟิกสี ๆ ธรรมดาในการเล่าเรื่องเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการอะไรที่ดูสดใหม่กว่านี้
นั่นจึงทำให้เทรนด์ Physicality and Realistic Textures เกิดขึ้นมา โดยเป็นการดีไซน์ที่แสดงให้เห็นถึงเนื้อสัมผัสที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ มากกว่าแค่การดีไซน์กราฟิกรูปภาพวัตถุแบน ๆ บวกกับการใส่สีไม่กี่สีลงไปเท่านั้น จึงให้ความรู้สึกที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ และไม่เห็นเท็กซ์เจอร์ที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์
7. ID Authentication
ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน ในการสมัครใช้งานอะไรสักอย่าง เพียงแค่ใช้ตัวอักษรหรือตัวเลขเพียงแค่ 6 ตัวอักษรก็เพียงพอแล้ว แต่ในปัจจุบันจะต้องประกอบไปด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ ตัวเล็ก ตัวเลข แค่นั้นยังไม่พอ บางแอปพลิเคชันยังให้ใส่อักษรพิเศษเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งตัว สร้างความปวดหัวไม่น้อยให้กับผู้ใช้งานในการจดจำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบนี้ก็ทำเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลของผู้ใช้งานให้เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีเทรนด์การออกแบบ UX/UI ที่เรียกว่า ID Authentication ขึ้นมา กล่าวคือ เป็นการเพิ่มหน้าเข้าสู่ระบบโดยใช้ระบบสแกนหน้า (Face ID) หรือสแกนนิ้ว ซึ่งเหมาะสำหรับ Mobile Application มากกว่าเว็บไซต์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานไม่ต้องคอยกรอก Password ที่ค่อนข้างยาวและซับซ้อนตลอดเวลาทุกครั้งที่เข้าใช้งาน
สรุป
การออกแบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน สิ่งที่ควรคำนึงมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น UX/UI ซึ่งหากสรุปให้ว่า UX/UI คืออะไร ก็คงต้องบอกว่า UX คือการให้ความสำคัญกับอารมณ์และความรู้สึกของผู้ใช้ ส่วน UI คือการให้ความสำคัญกับความสวยงาม การติดต่อกับผู้ใช้ และข้อมูลทางด้านเทคนิคอื่น ๆ หรือก็คือ ส่วนที่ผู้ใช้มองเห็นและกระทำการบางอย่างกับมันนั่นเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง จะช่วยทำให้ผู้ใช้ที่เข้ามาใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไป
และหากใครที่กำลังมองหา Outsource IT ที่จะเข้ามาช่วยออกแบบในเรื่อง UX/UI ของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน Hocco คือบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น พัฒนา ERP Software, ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล, ระบบคลังสินค้า (WMS) ฯลฯ พร้อมให้บริการเกี่ยวกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และดิจิทัลโซลูชั่น ที่จะช่วยให้ความสำคัญกับการออกแบบ UX/UI ของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่าย และใช้งานได้อย่างราบรื่น ไร้รอยต่อ และยังคงความสวยงาม พร้อมสร้างความประทับใจและดึงดูดให้น่าใช้งาน ครอบคลุมไปจนถึงการประสานงานที่ดีระหว่างผู้ใช้งานกับธุรกิจของคุณ รวมไปถึงการประสานงานสำหรับตัวคุณและการบริการของเรา มั่นใจได้ว่า ผู้ใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเหล่านั้น จะได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไปอย่างแน่นอน
อ้างอิง
https://www.dmit.co.th/th/ข่าวสาร/ux-vs-ui/
https://thegrowthmaster.com/blog/ux-ui
https://www.advancedis.co.th/en/blog/ทำความรู้จัก-ux-ui-คืออะไร-แตกต่างกันอย่างไร
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/ux-ui-design-คืออะไร/
0 Comment